ที่ผมตั้งใจมาเที่ยวอำเภอ เชียงคาน
ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะอยากมาเดิน ถนนคนเดินเชียงคาน
แต่ตั้งใจมาเที่ยวชม สกายวอล์ค เชียงคาน หรือเรียกว่า ทางเดินลอยฟ้า
ที่ว่ากันว่ามีความสูงจากระดับ แม่น้ำโขง เทียบเท่ากับตึก 30 ชั้นเลยทีเดียว
มาทั้งทีผมจะพาชมบรรยากาศทั้ง ช่วงย็น และ ช่วงเช้า
ดูว่าช่วงเวลาไหนจะสวยกว่ากันตามมาเลยครับ
สกายวอล์ค เชียงคาน (Chiang Khan Skywalk)
นับเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ถูกพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งใหม่ของจังหวัด เลย เมื่อไม่กี่ปีมานี้ และถือเป็นสถานที่ๆเป็น สัญญลักษณ์ หรือ แลนด์มาร์ค ใหม่ของอำเภอ เชียงคาน ด้วย
โดยได้ทำการปรับปรุงทัศนียภาพภูมิทัศน์รอบ พระใหญ่ภูคกงิ้ว (Pha Yai Phu Khok
Ngio) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พระพุทธนวมินทรมงคลลีลาทวินคราภิรักษ์
เพื่อเป็นการเพิ่มศักย์ภาพด้านการท่องเที่ยวของที่นี่
ตัวโครงสร้าง สกายวอล์ค ประกอบไปด้วยสะพานโครงเหล็กยื่นออกจากยอดภูไปทาง แม่น้ำโขง จำนวน 2
ข้างยาวประมาณข้างละ 23 และ 26 เมตร
เพื่อเชื่อมกับวงกลมแต่ละวงบนเสาโครงเหล็กที่สูงจากพื้นดินประมาณ 19 เมตร
โดยวงกลม 2 วงนี้จะเชื่อมเข้าหากันที่วงกลมตรงกลางที่อยู่บนเสา
ด้วยสะพานยาวประมาณข้างละ 19 เมตร ส่วนพื้นทางเดินบน สกายวอล์ค ทั้งหมด (ยกเว้นส่วนสะพานต้นทาง)
เป็นกระจกใสชนิดพิเศษสามารถมองทะลุลงไปถึงข้างล่างได้
บรรยากาศในช่วงเย็น
วันแรกเราเดินทางไปช่วงเวลาเย็น จุดแรกที่ต้องผ่านคือจุดคัดกรองโควิด-19
เพียงแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครบแล้วก็ผ่านไปจุดถัดไปคือจุดซื้อตั๋ว
ถ้าขึ้นไปเดินบน สกายวอล์ค อย่างเดียวจะคิดอัตราค่าบริการ 60 บาทต่อคน
ซึ่งประกอบไปด้วย ค่ารถรับ/ส่ง+ร้องเท้าเดินพื้นกระจก+ประกันชีวิต
แต่ถ้าต้องการไปชม ปางช้างเผือก ด้วยจะคิดค่าบริการ 80 บาทต่อคน
สำหรับผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไปและเด็กสูงไม่เกิน 140 ซ.ม.
ฟรีไม่คิดค่าบริการครับ
เมื่อชำระค่าบริการแล้วก็ไปรับรองเท้าที่จุดรับรองเท้า
จากนั้นก็ไปขึ้นรถกระบะสองแถวโดยเดินตามป้ายที่เขียนว่า "จุดขึ้นรถ"
ที่บริเวณจุดขึ้นรถจะมีรถสองแถวจอดรอนักท่องเที่ยวอยู่หลายคัน
และจะมีคนดูแลคอยบอกว่าจะให้ขึ้นคันไหนก่อน
นั่งรอบนรถสักพักเมื่อนักท่องเที่ยวขึ้นรถเต็มแล้วรถก็จะออกพาเราขึ้นสู่ยอด
ภูพระใหญ่ ระยะทางประมาณ 850 เมตร หรือใช้เวลาไม่เพียง 2-3 นาทีเท่านั้น
หลังจากลงรถสองแถวแล้วบริเวณด้านหน้าทางเข้า สกายวอล์ค จะมี หมากเบ็ง
ให้เรานำไปไหว้ พระใหญ่ โดยบริจาคเป็นค่าตอบแทนมากน้อยตามความศรัทธา
ทำการกราบไหว้สักการะขอพร พระใหญ่ ก่อนเป็นลำดับแรก
หากยังไม่เดินเข้าไปยัง สกายวอล์ค ก็สามารถเดินเล่นถ่ายรูปชมวิวรอบๆก่อนก็ได้ เมื่อพร้อมจะเดินเข้าชม สกายวอล์ค ให้เราใส่รองเท้าเดินพื้นกระจกก่อนโดยวิธีใส่ให้สวมทับรองเท้าที่เราใส่มาได้เลย
ช่วงต้นๆสะพานที่เดินเข้า สกายวอล์ค พื้นทางเดินยังไม่ใช่กระจก
พอเดินถึงพื้นกระจกเราก็สามารถมองทะลุเห็นพื้นด้านล่าง
ยิ่งเดินลึกไปจนสุดพื้นดินด้านล่างก็จะยิ่งห่างจากพื้นที่เราเดินมากขึ้น
ทำให้ดูน่ากลัวหวาดเสียวยิ่งนัก
วิธีแก้ความเสียวก็ง่ายๆคือไม่ต้องมองทะลุลงบนพื้นกระจก
ให้มองวิวไปข้างหน้าหรือรอบๆตัวเราแทน
จุดที่ตั้ง สกายวอล์ค เชียงคาน แห่งนี้เป็นบริเวณผืนดินแห่งแรกในภาคอีสานที่ แม่นํ้าโขง ไหลออกมาจาก สปป.ลาว
แล้วทำหน้าที่เป็นแนวพรมแดน โดยก่อนหน้านี้จะมี แม่นํ้าเหือง
เป็นแนวพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่าง สปป.ลาว กับ ประเทศไทย และจุดที่ แม่นํ้าเหือง
ไหลมาบรรจบกันกับ แม่นํ้าโขง จะสามารถเห็นเป็นนํ้า 2 สี ทำให้จุดชมวิวมุมสูงบน
สกายวอล์ค เป็นจุดที่สามารถเห็นแม่นํ้า 2 สีมาบรรจบกันได้อย่างชัดเจน
และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกหลังภูเขาที่สวยงามอีกด้วย
ซึ่งบรรยากาศในช่วงเย็นแสงแดดจะไม่ร้อน
พอพระอาทิตย์ลับหลังภูเขาไปแล้วท้องฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมส้มขึ้นเรื่อยๆ
พอแสงพระอาทิตย์เริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองอ่อนๆอมม่วง
จนแสงสุดท้ายหมดลงท้องฟ้าก็จะเริ่มเป็นสีน้ำเงินเข้มขึ้นเรื่อยๆจนมืดในที่สุด
แน่นอนครับวันนี้ผมกับภรรยาขึ้นรถเที่ยวสุดท้ายกลับลงเขาโดยมีนักท่องเที่ยวอีก
3-4 คนนั่งลงไปด้วยกัน
บรรยากาศในช่วงเช้า
วันที่สองเราเดินทางไปแต่เช้าเพื่อไปชมบรรยากาศเช้าๆในหน้าหนาว
เนื่องจากวันแรกเราซื้อตั๋วค่าบริการคนละ 60
บาทและตอนขากลับเรานำรองเท้าเดินพื้นกระจกกลับมาด้วย
ดังนั้นวันนี้เราจะนำรองเท้าอันเดิมมาใช้
โดยที่ไม่ต้องซื้อใหม่อีกครั้งจึงจ่ายค่าบริการเพียงคนละ 30 บาทเท่านั้น
และหากปีถัดๆไปมีโอกาสได้ไปเที่ยวอีก
หรือมีญาติสนิทมิตรสหายจะไปเที่ยวก็ยังสามารถให้รองเท้าเดินพื้นกระจกที่ซื้อไปแล้ว
นำกลับไปใช้ได้อีกโดยไม่ต้องไปซื้อใหม่
บรรยากาศเช้าวันที่สองต่างจากวันแรกลิบลับ ท้องฟ้า พระใหญ่ และ สกายวอล์ค ถูกปกคลุมไปด้วยหมอก ยิ่งเดินเข้าไปยัง สกายวอล์ค
หมอกขาวเต็มไปหมดไม่สามารถมองเห็นทัศนียภาพ ภูเขา แม่น้ำเหือง และ แม่น้ำโขง
ที่อยู่เบื้องล่างได้เลย
จะว่าไปแล้วก็เหมือนกับเราเดินอยู่ในก้อนเมฆหนาๆที่ลอยอยู่บนฟ้า
ซึ่งบรรยากาศอย่างนี้ก็ได้อารมณ์และภาพถ่ายไปอีกแบบ
วันนี้โชคไม่เข้าข้างเท่าไหร่เพราะช่วงที่หมอกเริ่มจางหายลง
ไม่ได้เริ่มหายจากด้านบนแต่กลับค่อยๆจางหายไปพร้อมทั่วกันทำให้เราไม่ได้เห็นภาพ
ที่เป็นทะเลหมอกอยู่ด้านล่างและเห็นยอดภูเขาโผล่ด้านบน
แต่ไม่เป็นไรแค่นี้ก็สุดยอดแล้วครับสมกับเป็น ทางเดินลอยฟ้า
พอหมอกหายจนหมดแสงแดดก็ร้อนแรงขึ้นมาแทนที่ทันที
อยู่ถ่ายรูปไม่ได้นานเพราะร้อนมาก
สถานที่ตั้ง
สกายวอล์ค เชียงคาน และ พระใหญ่ภูคกงิ้ว ตั้งอยู่บน ภูพระใหญ่ ติดกับ บ้าน ท่าดีหมี ตำบล ปากตม อำเภอ เชียงคาน จังหวัด เลย ประเทศ ไทย และอยู่ห่างจากตัวอำเภอ เชียงคาน ประมาณ 21 กิโลเมตร หรือใช้เวลาขับรถไม่เกินครึ่งชั่วโมง มีที่จอดรถยนต์ฟรี มีห้องน้ำอยู่ใกล้ๆลานจอดรถและบนยอดภูพระใหญ่ บริเวณด้านล่างรอบๆจุดจอดรถกระบะสองแถวรับ/ส่งจะมีร้านค้าขายของอยู่หลายร้าน
ในการขึ้นชม สกายวอล์ค และ พระใหญ่ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องผ่านมาตรการป้องกันไวรัสโควิด 1 ใน 3 ข้อดังต่อไปนี้
1. ได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็ม (ไม่ได้ระบุยี่ห้อวัคซีน)
2. ได้รับการตรวจโควิดและนำผลมาแสดงภายใน 72 ชั่วโมง
3. รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ภายใน 3 ชั่วโมง และต้องตรวจ ATK ทันที
1. ได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็ม (ไม่ได้ระบุยี่ห้อวัคซีน)
2. ได้รับการตรวจโควิดและนำผลมาแสดงภายใน 72 ชั่วโมง
3. รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ภายใน 3 ชั่วโมง และต้องตรวจ ATK ทันที
..^_^..