รีวิวแนะนำทริปตามหาโอปป้าหน้าหนาวที่เกาหลีใต้ (South Korea) ด้วยตัวเองไม่ง้อทัวร์ 5 วัน 4 คืน (ตอนที่ 1)

0


ทริปท่องเที่ยวนี้เราจะมารีวิวและแนะนำโปรแกรมท่องเที่ยวที่เกาหลีใต้ด้วยตัวเองแบบไม่ง้อทัวร์ในฤดูหนาว ดูสิว่าเราจะไปกันได้สักกี่ที่ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบตลอดทั้งวันทั้งคืนในเดือนแห่งความรักเดือนกุมภาพันธ์ 2560 โดยเรามีแค่แรงบันดาลใจเพียงอย่างเดียวก็คือต้องการตามหาโอปป้าหรือพี่ชายที่น่ารักให้ได้อย่างน้อยสักคน ที่ต้องการตามหาโอปป้าก็เพราะว่าในคณะเรามีผู้หญิงซะเป็นส่วนใหญ่และเคยเห็นพี่ชายกับสถานที่ต่างๆแต่ในละครซีรี่เกาหลีกันเท่านั้น ยังไม่เคยเห็นและสัมผัสกับบรรยากาศของประเทศเกาหลีใต้จริงๆกันเลยจึงเป็นที่มาของทริปนี้

กลุ่มของเราเริ่มรวมตัวกันก่อนหน้าที่จะออกเดินทางกันจริงไม่น้อยกว่าหนึ่งปีครับ แล้วทำไมถึงได้นานกันเพียงนี้ ก็เพราะเราต้องสะสมเงินทุนในการเดินทางและที่สำคัญต้องเดินทางกันด้วยตัวเองไม่ง้อทัวร์ตามแนวคิดที่ตั้งไว้ จึงต้องใช้เวลาในการหาข้อมูลการเดินทางมากหน่อย เหมือนเดิมครับแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดก็คือหาในอินเตอร์เน็ตจากที่คนอื่นๆเขาไปมากันนั่นเอง ต้องขอขอบคุณน้องส้มสมาชิกในคณะเราที่เป็นผู้หาข้อมูลให้เราได้เที่ยวกันในคราวนี้



เที่ยวนี้คณะเราเลือกจองตั๋วเครื่องบินสายการบินเอเชียน่าแอร์ไลน์ (Asiana Airlines) ชั้นประหยัด (Economy Class) ไปกลับผ่านเว็บไซต์เอ็กพีเดีย (Expedia) และจองที่พักอพาร์ทเม้นท์ V&M ผ่าน Airbnb จากนั้นก็
จองรถชัทเทิลบัส (Shuttle Bus) บริการฟรีไปส่งที่เล่นสกีที่ Daemyung VIVALDI PARK สุดท้ายไปแลกเงินวอนเกาหลีที่ซูปเปอร์ริชในห้างเซ็นทรัลพระรามเก้า เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วเราก็ไปกันเลยครับ

คณะเรานัดพร้อมกันที่สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเวลาสองทุ่ม คราวที่แล้วที่ไปสนามบินสุวรรณภูมิ ผมและภรรยานั่งรถแท็กซี่จากบ้านตรงไปยังสนามบินเลย แต่คราวนี้เราอยากจะประหยัดค่าใช้จ่ายลงเราจึงนั่งรถแท็กซี่จากบ้านไปลงที่สถานีรถไฟฟ้ามักกะสัน เพื่อไปใช้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (Airport Rail Link) ต่อไปลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนสถานีที่ให้บริการและค่าบริการสามารถตรวจสอบก่อนเดินทางได้ที่เว็บไซต์ Airport Rail Link เช่น ถ้าขึ้นที่สถานีมักกะสันก็คิดที่คนละ 35 บาทใช้เวลาเดินทางประมาณ 22 นาที ถูกดีใช่ไหมครับ รถไฟมาแล้วไปกันเลย


เมื่อเรามาถึงสถานีสุวรรณภูมิซึ่งเป็นสถานีปลายทางพอออกจากรถไฟฟ้าก็ขึ้นลิฟท์ไปชั้นบน แล้วเดินตามป้ายที่เขียนว่า "ผู้โดยสารขาออก (Departure)" คณะพร้อมกันทำการเช็คอินและโหลดกระเป๋าเดินทางที่เค้าเตอร์สายการบินเอเชียน่าแอร์ไลน์ เมื่อรับใบบอร์ดดิ้งพาสแล้วเราก็เดินหาของทานรองท้องมื้อค้ำกันนิดหน่อยก่อนจะไปทานอาหารบนเครื่องบินอีกที หลังจากนั้นก็เข้าไปรอที่ประตูขึ้นเครื่องบิน ก่อนขึ้นเครื่องก็ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย


เราได้ที่นั่งติดริมหน้าต่างอีกแล้วและต้องเป็นภรรยาผมเท่านั้นที่จะได้นั่งติดหน้าต่าง ส่วนผมก็อดไปตามระเบียบครับ ที่นั่งบนเครื่องบินนั่งพอสบายหัวเข่าไม่ติด สิ่งอำนวยความสะดวกที่มีให้ก็มี จอแอลซีดี หูฟัง และรีโมทสำหรับเอาไว้ดูหนังฟังเพลงและเล่นเกม นอกจากนี้ยังมีหมอนใบเล็กและผ้าห่มบางๆให้ด้วยครับ เครื่องบินออกจากท่าอากาศยานสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเวลาประมาณเที่ยงคืนสิบนาที พอเครื่องขึ้นได้สักพักสัญญานล็อกเข็มขัดก็ดับลง แอร์โฮสเตสก็เดินแจกใบขาเข้า (ARRIVAL CARD) เพื่อใช้สำหรับยื่นที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ วิธีการกรอกก็ดูได้จากที่ แนะนำวิธีเขียนใบขาเข้า (ARRIVAL CARD) และใบผ่านศุลกากร (TRAVELER DECLARATION FORM) สำหรับผู้เดินทางไปเกาหลีใต้ (South Korea) ครับ


เที่ยวบินนี้มีอาหารและเครื่องดื่มเสริฟให้ทานระหว่างเดินทาง โดยมีให้เลือกอยู่สองเมนูคือ ข้าวยำเกาหลีและข้าวหน้าไก่ สำหรับผมแล้วผมว่าข้าวหน้าไก่อร่อยกว่าครับ หลังจากทานอิ่มแล้วก็ได้เวลานอนยาวเก็บแรงไว้ลุยต่อพรุ่งนี้ การเดินทางบนเครื่องบินใช้เวลาประมาณห้าชั่วโมงสิบนาทีก็มาถึงท่าอากาศยานสนามบินนานาชาติอินชอน (Incheon International Airport) ในเมืองอินชอนใกล้กับกรุงโซล เวลาท้องถิ่นในขณะนี้ประมาณเจ็ดโมงยี่สิบนาทีตอนเช้า ซึ่งเวลาในเกาหลีใต้จะเร็วกว่าประเทศไทยอยู่สองชั่วโมง (UTC/GMT+9) ทำการปรับเวลาในมือถือและนาฬิกาเรียบร้อยก่อนลงจากเครื่องจะได้ไม่หลงเวลากัน



พอเครื่องบินจอดเราก็เดินออกจากเครื่องผ่านประตูทางเข้า จะเห็นป้ายเขียนว่า "Arrival" หรือ "Arrivals" ให้เดินตามป้ายนี้ไปเรื่อยๆก็จะถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศเกาหลีใต้ที่ในตำนานลือกันว่าผ่านยากยิ่งนัก ระหว่างทางที่เดินก็จะมีห้องน้ำอยู่เป็นระยะๆ ใครที่อั้นไว้และไม่อยากเข้าห้องน้ำบนเครื่องบินก็มาเข้าที่นี่ได้ และระหว่างนี้เราก็สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตผ่านฟรีไวไฟของสนามบินได้ด้วยไม่เสียตังค์ครับ


สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับใบขาเข้าจากแอร์โฮสเตสบนเครื่องบิน ก็มาเอาที่จุดนี้ได้เขาก็มีเตรียมไว้ให้เรากรอกเช่นกัน เดินต่อแถวเข้าช่องที่เขียนคำว่า "FOREIGN PASSPORT" นะครับไม่อย่างนั้นต้องเสียเวลาเดินมาต่อแถวอีกที การผ่านด่านตม.ในครั้งนี้ผมและภรรยาก็ผ่านฉลุยอย่างง่ายดาย โดยไม่มีคำถาม(สุขภาพ)ใดๆสักคำ จากนั้นเราก็เดินไปรับกระเป๋าเดินทางโดยดูที่ป้าย Baggage Claim นี้ว่าเที่ยวบินที่เราบินมาอยู่สายพานลำเลียงสัมภาระที่เท่าไหร่




รับกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้วก็เดินผ่านประตูออกมาที่โถงทางเดินยาว ก็จะเห็นเคาน์เตอร์เช่าโทรศัพท์ ซิมการ์ด เร้าเตอร์ไวไฟ ให้นักเดินทางได้เลือกใช้ แต่สำหรับผมไม่จำเป็นครับ เลี้ยวซ้ายจะเจอร้านสะดวกซื้อ CU อยู่ซ้ายมือ เราจะมาซื้อบัตรทีมันนี่ (T-money) กันที่นี่ ถ้าใครอยากซื้อ SIM ที่นี่ก็ได้ครับ บัตรทีมันนี่เป็นบัตรใช้แทนเงินสดซึ่งสามารถเติมเงินเข้าไปในบัตรได้ตลอดเวลาผ่านเครื่องเติมเงินที่มีอยู่ทั่วไปตามสถานีรถไฟฟ้า เราจะใช้เจ้าบัตรนี้กับสถานที่ต่างๆ เช่น รถไฟฟ้า, รถบัสโดยสารประจำทาง, หรือแม้แต่ใช้ซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อก็ได้ มันสะดวกก็ตรงที่ไม่ต้องมานั่งนับเหรียญหรือทอนเงิน


ได้บัตรทีมันนี่มาแล้วเรียบร้อยคนละใบราคาใบละ 4,000 วอน แล้วทำการเติมเงินเข้าไปในบัตรเพิ่มอีก 6,000 วอนรวมแล้วมีเงินอยู่ในบัตร 10,000 วอน เก็บบัตรไว้ให้ดีนะครับอย่าให้หาย เพราะมันคือเงินสดดีๆนี่เองที่ใครๆจะเอาไปใช้ก็ได้ และขณะนี้ก็เป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้วได้เวลาต้องออกเดินทางต่อแล้วหละ ในตอนหน้าจะเป็นวิธีการเดินทางจากสนามบินเข้าไปในกรุงโซล คอยติดตามอ่านกันต่อนะครับ ...^_^




โปรดติดตามรีวิวตอนต่อไป ตอนที่ 2


แสดงความคิดเห็น

0ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น (0)