รีวิวแนะนำโปรแกรมตามเพื่อนไปประเทศญี่ปุ่น 5 วัน 4 คืน [ตอนที่ 4 : ถึงซะทีดินแดนปลาดิบ]

0
โรงแรม Shinjuku Washington

เช้าวานนี้ยังยืนดูวิวแลนด์สเคป (Landscape) อยู่เลย เช้าวันนี้เปลี่ยนมาเป็นวิวซิตี้สเคป (Cityscape) แห่งเมืองโตเกียว (Tokyo) ที่มีตึกสูงระฟ้าอยู่มากมายแทน ตอนนี้เราขึ้นมาอยู่ที่ห้องอาหารชั้นบนสุดของโรงแรมที่พัก เพื่อมารับประทานอาหารมื้อเช้าแบบบุฟเฟ่ต์นานาชาติพร้อมกับชมวิวทัศนียภาพระดับเส้นขอบฟ้ากัน เราตื่นนอนกันตอนหกโมงครึ่งล้างหน้าแปลงฟันกันเสร็จเรียบร้อยก็ขึ้นไปทานอาหารมื้อเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรมกันประมาณเจ็ดโมงเช้า หลังจากอิ่มเรียบร้อยแล้วก็ลงมาเข้าห้องนอนเพื่ออาบน้ำแต่งตัวและแพ็คกระเป๋าเดินทางเพื่อเตรียมตัวเช็คเอาท์ออกกันเลย

โรงแรม Shinjuku Washington
โรงแรม Shinjuku Washington

รถบัสที่เราได้เช่ามาตั้งแต่วันแรกนั้นเราได้เช่ามาแค่สามวันเท่านั้น หลังจากนี้เราเดินทางในเมืองหลวงโตเกียวจะใช้บริการรถไฟฟ้าแทนครับ แต่เราจะไม่ลากกระเป๋าเดินทางไปด้วยนะครับ ดังนั้นหลังจากเช็คเอาท์เสร็จกันประมาณเกือบเก้าโมงเช้าแล้วเราก็ทำการฝากกระเป๋าเดินทางไว้กับจุดรับฝากกระเป๋าของโรงแรม แล้วก็ซื้อตั๋วโดยสารรถแอร์พอร์ทลีมูซีนบัส (Airport Limousine Bus) เที่ยวสุดท้ายเวลาห้าโมงเย็นในราคาคนละ 3,100 เยนเตรียมไว้เลย เพื่อโดยสารจากโรงแรมที่นี่ไปยังท่าอากาศยานสนามบินนานาชาตินะริตะ (Narita International Airport) ในเมืองนะริตะ (Narita) จังหวัดชิบะ (Chiba)



เนื่องจากในวันนี้จะเห็นว่าเรามีเวลาเที่ยวในโตเกียวไม่มากนัก คณะเราได้วางแผนจ้างไกด์นำเที่ยวท้องถิ่นที่เป็นชาวไทยไว้เรียบร้อยแล้วเพื่อจะได้แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและไม่เสียเวลาในการเดินทาง เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วก็ลุยกันเลยครับ ตามที่เกริ่นไว้แล้วว่าวันนี้เราจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้า (Subway) เราก็เลยซื้อบัตรโดยสารแบบเดินทางกี่เที่ยวก็ได้ภายในหนึ่งวันในราคาใบละ 2,000 เยนครับ


โตเกียว ญี่ปุ่น
โตเกียว ญี่ปุ่น

ขึ้นๆลงๆรถไฟฟ้าแล้วก็เดินสักพักก็มาถึงแล้วครับ วัดเซ็นโซ (Senso Temple) ซึ่งเป็นวัดศาสนาพุทธในย่านอะสะกุสะ (Asakusa) ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าอะสะกุสะ (Asakusa Station) เราเดินผ่านทางเข้า Kaminarimon หรือ Thunder Gate ซึ่งเป็นประตูหลักด้านนอกที่จะนำเราเข้าไปถึงตัววัดเซ็นโซ ถ่ายรูปคู่กับโคมไฟสีแดงยักษ์สักหน่อย ระหว่างทางที่เราเดินบนถนนนากามิเสะจะมีร้านค้าขายของกินและของที่ระลึกต่างๆอยู่ริมสองข้างทาง (Nakamise Shopping Street) ให้เราได้ซื้อหากลับมาเป็นของฝากได้


วัดเซ็นโซ ในย่านอะสะกุสะ

เดินตรงต่อมาเรื่อยๆก็จะพบกับทางเข้าหรือประตูหลักชั้นในที่มีชื่อว่า Hozomon หรือ Treasure-House Gate และก็มีโคมไฟสีแดงยักษ์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวัดแห่งนี้ให้เราได้ถ่ายรูปกันอีก ทางด้านซ้ายมือก็จะมีเจดีย์ใหญ่ขนาดห้าชั้นและมีรูปปั้นพระให้เราได้กราบไหว้ขอพรกันครับ เดินตรงผ่านประตู Hozomon ก็จะเจอตัววัดเซนโซให้เราได้ทำบุญบริจาคและกราบไหว้ขอพรกันครับ


วัดเซ็นโซ ในย่านอะสะกุสะ
วัดเซ็นโซ ในย่านอะสะกุสะ
วัดเซ็นโซ ในย่านอะสะกุสะ
วัดเซ็นโซ ในย่านอะสะกุสะ

หลังจากเดินชมและถ่ายรูปจนทั่วแล้วเราก็เดินกลับออกมาทางเดิมเพื่อขึ้นรถไฟฟ้าครับ แต่ก่อนจะออกจากที่นี่ก็ขอลองซื้อขนมกับกาแฟกินสักหน่อยเพราะดูแล้วน่ากินจริงๆ เรานั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีซึกิจิชิโจ (Tsukijishijo Station) เดินออกทางออก A1 แล้วเลี้ยวขวาเดินไปอีกประมาณ 200 เมตรก็จะถึงแล้วครับทางขวามือ ตลาดสดปลาซึกิจิ (Tsukiji Nippon Fish Port Market)


วัดเซ็นโซ ในย่านอะสะกุสะ
ตลาดสดปลาซึกิจิ

อาหารกลางวันมื้อนี้เราจะมาทานกันที่นี่ครับ แต่จะรีวิวแนะนำร้านไหนตามมาดูกันเลย เราเดินเลี้ยวขวาตรงเขามาเลยครับ คนเดินซื้อของกันเยอะเดินเบียดเสียดกันมาก ภาพตัวอย่างสินค้าบางส่วนที่ขายอยู่ในตลาดสดนี้มี ไข่ปลาแซลมอนสีส้มแดงบรรจุกล่องพร้อมขาย ตัวอะไรก็ไม่ทราบน่าจะเป็นปลิงทะเล นอกจากสัตว์ทะเลแล้วก็ยังมีผักและผลไม้ด้วยครับ

ตลาดสดปลาซึกิจิ
ตลาดสดปลาซึกิจิ
ตลาดสดปลาซึกิจิ

มาถึงแล้วครับร้านอาหารที่เราจะมาทาน มาถึงดินแดนปลาดิบทั้งทีแล้วจะไม่ทานปลาดิบได้อย่างไร ไม่อย่างนั้นจะถือว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่น นั่นเป็นเหตุผลที่เรามาที่ตลาดสดปลาแห่งนี้ ถึงแม้เมนูจะมีแต่ภาษาญี่ปุ่นก็ไม่เป็นปัญหาครับเพราะมีรูปภาพพร้อมกับราคา อาหารสดมากๆเนื้อปลานุ่มละลายในปาก ภรรยาผมออกมายืนยันอีกครั้งครับว่าอร่อยมากจริงๆ


ตลาดสดปลาซึกิจิ
อาหารญี่ปุ่น ตลาดสดปลาซึกิจิ
อาหารญี่ปุ่น ตลาดสดปลาซึกิจิ
อาหารญี่ปุ่น ตลาดสดปลาซึกิจิ
อาหารญี่ปุ่น ตลาดสดปลาซึกิจิ
อาหารญี่ปุ่น ตลาดสดปลาซึกิจิ

ทานกันจนอิ่มแล้วเราก็ออกจากที่นี่กันประมาณบ่ายโมงตรง พวกเราคุยกันแล้วอยากจะช้อปปิ้งซื้อของฝากก็เลยตกลงกันว่าไปตึกม่วงต่อกันดีกว่า พิกัดตึกม่วงหรือชื่อในภาษาญี่ปุ่นก็คือตึกทาเคยะ (Takeya Building) จะอยู่ในย่านไทโต (Taito) ติดกับย่านอุเอะโนะ (Ueno) ส่วน
ข้อมูลเพิ่มเติมของตึกทาเคยะนี้สามารถเข้าไปดูที่เว็บไซต์ https://takeya.co.jp/thai/ นี้ได้ครับครับ สินค้าญี่ปุ่นที่ขายอยู่ในประเทศญี่ปุ่นอาจจะถูกผลิตมาจากประเทศอื่นก็ได้นะครับ เพื่อนผมคนไทยเคยซื้อฝาปิดหน้าเลนส์กล้องถ่ายรูปยี่ห้อดังมา แต่พอกลับมาที่ห้องนำมาสังเกตุดูดีๆอีกทีปรากฏว่าผลิตจากประเทศไทยครับ เราช้อปปิ้งกันเสร็จประมาณบ่ายสามโมงก็ต้องรีบกลับโรงแรม เพื่อไปเอากระเป๋าเดินทางและขึ้นรถแอร์พอร์ทลีมูซีนบัสเที่ยวสุดท้ายกันครับ


ตึกม่วง หรือ ตึกทาเคยะ ในย่านไทโต โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

จากโรงแรม ชินจูกุ วอชิงตัน ไปยังท่าอากาศยานนานาชาตินะริตะระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตรใช้เวลาราวๆหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ขึ้นรถแล้วก็หลับยาวเลยครับ เนื่องจากเรามีกำหนดบินกลับประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ตอนเช้าราวแปดโมง คืนนี้เราจึงต้องอยู่พักที่นะริตะหนึ่งคืน พอเรามาถึงสนามบินฯเวลาประมาณหกโมงครึ่งช่วงเย็น เราก็รอขึ้นรถชัทเทิลบัส (Shuttle Bus) วิ่งรับส่งระหว่างสนามบินกับโรงแรมที่เราจองเอาไว้ คืนนี้เราพักกันที่โรงแรม ฮิลตัน โตเกียว นะริตะ แอร์พอร์ท (Hilton Tokyo Narita Airport Hotel) ซึ่งเป็นที่พักที่อยู่ไม่ไกลจากสนามบินห่างกันเพียง 3.5 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 10 นาทีถ้ารถไม่ติด


โรงแรม ฮิลตัน โตเกียว นะริตะ แอร์พอร์ท

ห้องนอนมีขนาดกว้างขวาง มีเตียงนอนสองเตียง โต๊ะเก้าอี้ ทีวีจอแบน ตู้เย็น กาต้มน้ำร้อน เครื่องปรับอุณหภูมิภายในห้องให้อบอุ่น ในห้องน้ำก็มีอุปกรณ์พื้นฐานสำหรับชำระร่างกายครบ เช่น ผ้าเช็ดตัว สบู่เหลวอาบน้ำ น้ำยาสระผม ที่โกนหนวด แปลงกับยาสีฟัน และมีฝักบัวพร้อมอ่างอาบน้ำด้วยครับ ส่วนในตู้เสี้อผ้าก็จะมีไม้แขวนเสื้อผ้าหลายอัน ที่รองรีดผ้ากับเตารีด และรองเท้าแตะสำหรับใส่ในห้องนอนให้ด้วยครับ


โรงแรม ฮิลตัน โตเกียว นะริตะ แอร์พอร์ท
โรงแรม ฮิลตัน โตเกียว นะริตะ แอร์พอร์ท
โรงแรม ฮิลตัน โตเกียว นะริตะ แอร์พอร์ท

เมื่อเราเช็คอินและเก็บกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว เราก็นัดกันออกไปหาทานมื้อค้ำและช้อปปิ้งกันที่ห้างอิออน (AEON MALL Narita) โดยขึ้นรถชัทเทิลบัส (Shuttle Bus) ที่ให้บริการฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวที่เป็นลูกค้าของโรงแรม วิ่งระหว่างโรงแรมกับห้างอิออนทั้งไปและกลับครับ หลังจากทานอาหารและเดินช้อปปิ้งเสร็จจนเป็นที่พอใจแล้ว เราก็กลับมาที่โรงแรมเกือบๆสี่ทุ่ม อาบน้ำ แพ็คกระเป๋าเดินทางเตรียมไว้เลย และเข้านอนทันทีเพราะต้องตื่นแต่เช้าตรู่


อาหารญี่ปุ่น ที่อิออนมอลล์
อาหารญี่ปุ่น ที่อิออนมอลล์

เช้าวันสุดท้ายเราเช็คเอ้าท์และทานอาหารบุฟเฟ่ของโรงแรมกันเร็วหน่อยประมาณหกโมงครึ่งเพื่อให้ทันกับรอบรถชัทเทิลบัสที่จะมารับและไปส่งที่สนามบินนะริตะตอนประมาณเจ็ดโมงเช้าครับ เรามาถึงสนามบินตามกำหนดเวลาที่วางไว้ ทำการเช็คอินและผ่านขั้นตอนการตรวจต่างๆเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นก็รอขึ้นเครื่องสายการการบินแอร์เอเชียเอ็กซ์เดินทางกลับในเวลาเก้าโมงเช้า ออกจากท่าอากาศยานสนามบินนานาชาตินะริตะถึงท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ...สวัสดีครับ ^_^


เครื่องบินแอร์เอเชีย ที่ท่าอากาศยานสนามบินนานาชาตินะริตะ

มาถึงช่วงสุดท้ายที่ทุกท่านน่าจะอยากรู้ครับ สรุปค่าใช้จ่ายต่างๆในทริปนี้สำหรับ 2 คน โดยคิดอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่ 0.3
  • ค่าที่พักรวมอาหารเช้า                       35,580 บาท
  • ค่าเดินทาง                                         31,376 บาท
  • ค่าอาหารมื้อกลางวันและมื้อเย็น         4,068 บาท
  • ค่าตั๋วเข้าชมสถานที่ต่างๆ                    1,758 บาท
  • ค่าขนมและเครื่องดื่ม                           1,696 บาท
  • ค่าทิปคนขับรถบัสและไกด์ที่โตเกียว   1,500 บาท
  • รวมทั้งหมดประมาณ                          76,000 บาท


ย้อนกลับไปรีวิวตอนที่แล้ว  ตอนที่ 3ตอนที่ 2ตอนที่ 1

แสดงความคิดเห็น

0ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น (0)