รีวิวแนะนำโปรแกรมตามเพื่อนไปประเทศญี่ปุ่น 5 วัน 4 คืน [ตอนที่ 2 : จงอย่าสิ้นหวังกับฟ้าวันใหม่]

0
หมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ

โอฮาโย โกะไซมัส...สวัสดีเช้าวันที่สองที่หมู่บ้านชิราคาวาโกะ เราตื่นนอนกันตั้งแต่ตีห้าเพราะนัดรวมกลุ่มกันไว้ตอนหกโมงเช้าว่าจะเดินขึ้นไปยังจุดชมวิว เพื่อชมทิวทัศน์ของหมู่บ้านแห่งนี้จากมุมสูง แต่งตัวกันเรียบร้อยพอออกจากประตูบ้านเราก็ต้องผิดหวังเมื่อฝนได้เริ่มโปรยปรายตกลงมา ป้าแขกบอกพวกเราให้กลับเข้าไปคอยอยู่ในบ้านจนกว่าฝนจะหยุดตกแม้ฝนตกไม่มากแต่ข้างนอกยังมืดอยู่ อีกทั้งพื้นทางเดินเฉาะเฉะและลื่นมาก หากเดินไปอาจเกิดอันตรายได้



สรุปว่าวันนี้เราอดขึ้นไปยังจุดชมวิวอย่างแน่นอน พวกเราจึงได้แต่ถ่ายรูปกันอยู่แต่ในบ้านไปพลางๆเพื่อรอฝนหยุดตกก่อน แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกจากภรรยาผมบอกว่าหิมะตกแล้ว สิ้นเสียงเท่านั้นทุกคนก็วิ่งกันออกไปนอกบ้านทั้งๆยังอยู่ในชุดยูกาตะ เป็นที่ยินดีปรีดากันทั่วหน้าที่ได้สัมผัสกับหิมะตกเป็นครั้งแรกในชีวิตไม่เสียเที่ยวจริงๆแม้ว่าจะลงไม่มากก็ตาม


หมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ
หมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ
หมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ

ยืนถ่ายรูปกันสักพักเราก็ต้องกลับเข้าไปในบ้านเพราะได้เวลาอาหารเช้าแบบพื้นบ้านแล้ว อาหารที่ถูกจัดไว้เป็นชุดบนโต๊ะญี่ปุ่นมีความหลากหลายและเมนูต่างจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ดูแล้วน่าทานมากๆครับ เนื่องจากเรานัดรถบัสเอาไว้ให้มารับคณะเราตอนแปดโมงเช้า พอทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย เราก็เข้าห้องไปแต่งตัวและเก็บของใส่กระเป๋าเดินทางเตรียมเอาไว้ ระหว่างที่รถบัสยังไม่มาเรายังพอมีเวลาออกมาเดินถ่ายรูปกับบรรยากาศยามเช้าของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ เราเดินถ่ายรูปกันในบริเวณไม่ห่างจากบ้านที่พักซักเท่าไหร่เพราะใกล้จะถึงเวลาที่รถบัสจะมารับเราเพื่อเดินทางต่อ ระหว่างนี้มีหิมะตกผสมกับฝนตกปลอยๆด้วย มันเป็นอะไรที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตครับ


หมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ
หมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ
หมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ
หมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ
หมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ

เดินถ่ายรูปได้ไม่นานนักรถบัสก็มาตามเวลา นั่นหมายถึงเราจะต้องอำลาจากหมู่บ้านมรดกโลกแห่งนี้แล้ว ผมกับภรรยาคุยกันว่าจะต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งให้ได้เนื่องจากเรายังเดินชื่นชมหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ทั่วถึง และที่สำคัญก็คือเราไม่ได้ขึ้นไปบนจุดชมวิวของหมู่บ้านแห่งนี้ซึ่งเป็นจุดที่ถ่ายรูปมุมสูงทั้งหมู่บ้านได้สวยงามมาก เราออกเดินทางกันต่อโดยจุดหมายท่องเที่ยวต่อไปของเราในวันนี้มีอยู่สองแห่ง ที่แรกก็คือปราสาทมะสึโมะโตะและต่อด้วยภูเขาไฟฟูจิ


หมู่บ้าน ชิราคาวาโกะ
หิมะที่เมืองทะกะยะมะ

นั่งหลับๆตื่นๆขึ้นเขาลงห้วยกันมาประมาณเกือบสามชั่วโมงก็มาถึงปราสาทมะสึโมะโตะ (Matsumoto Castle) ซึ่งอยู่ที่เมืองมะสึโมะโตะ (Matsumoto) จังหวัดนะงะโนะ (Nagano) เป็นไปตามความคาดหมายที่นี่หิมะไม่ตกเลย เราซื้อตั๋วค่าเข้าชมปราสาทคนละ 610 เยน และเข้าไปชมในตัวปราสาทโดยขึ้นถึงชั้นบนสุดเลยครับ ฐานรากของปราสาทสร้างขึ้นจากก้อนหินและตัวปราสาทสร้างด้วยไม้ทั้งหลังมีอายุไม่น้อยกว่าสี่ร้อยปีแล้วครับ


ปราสาท มะสึโมะโตะ
ปราสาท มะสึโมะโตะ
ปราสาท มะสึโมะโตะ

หลังจากขึ้นไปชมปราสาทแล้วเราก็ลงมาเดินถ่ายรูปรอบๆปราสาทกันครับ คนที่ยืนถ่ายรูปกับผมเป็นชาวญี่ปุ่น ไม่ใช่ใครอื่นครับ คุณอิสระโชเฟอร์ขับรถบัสของเรานั่นเอง ยืนเทียบกันแล้วหน้าผมเหมือนชาวญี่ปุ่นมั๊ยครับ เมื่อประมาณยี่สิบปีก่อนเคยมีคนญี่ปุ่นบอกกับผมว่า หน้าผมเหมือนดาราทีวีชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมจำไม่ได้แล้วว่าดาราคนนั้นชื่ออะไร ก่อนกลับก็เดินออกมาถ่ายรูปที่ด้านหน้ากันสักหน่อย


ปราสาท มะสึโมะโตะ
ปราสาท มะสึโมะโตะ

ได้เวลาอาหารมื้อกลางวันพอดี เราเดินออกมานิดเดียวก็จะเจอกับร้านอาหารอยู่ด้านขวามืออยู่ตรงมุมถนนและเนื่องจากเราไม่เชี่ยวชาญแถวนี้ก็เลยทานที่ร้านนี้เลยครับ อยากได้อะไรที่มันร้อนๆมาทานสักหน่อย เมนูเป็นภาษาญี่ปุ่นอ่านไม่ออก แถมสื่อสารกันไม่รู้เรื่องสำหรับผมก็เลยได้บะหมี่เย็นมาหนึ่งชามสำหรับทานในฤดูหนาว หลังจากทานมื้อกลางวันเสร็จเราก็ออกเดินทางจากเมืองมะสึโมะโตะประมาณบ่ายโมงตรงเพื่อมุ่งสู่ภูเขาไฟฟูจิ แต่เดียวก่อนขนมอะไรก็ไม่รู้ร้อนๆดูน่าทานดี ซื้อกินสักหน่อยก่อนขึ้นรถบัส

อาหาร ญี่ปุ่น
อาหาร ญี่ปุ่น
มะสึโมะโตะ

นั่งรถบัสมาได้สักประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งสมาชิกในคณะก็อยากเข้าห้องน้ำ คุณอิสระโชเฟอร์ผู้ใจดีของเราก็หาแวะที่พักข้างทางให้เราได้ลงไปเข้าห้องน้ำและหาอะไรอุ่นๆทานกัน พอเสร็จกิจกันแล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อ ระยะการเดินทางในวันนี้ก็เหมือนกับวันแรกครับคือค่อนข้างไกลและใช้เวลามากและเราจะต้องขึ้นภูเขาไฟฟูจิให้ทันก่อนจะปิดในเวลาห้าโมงเย็นด้วย หลายๆคนในรถบัสระหว่างทางบ้างก็นั่งชมทิวทัศน์สองข้างทางบ้างก็นั่งอัพโหลดรูปขึ้นอินเตอร์เน็ตและบ้างก็นั่งหลับกันไปตลอดทาง


ประเทศญี่ปุ่น

จากจุดแวะที่พักริมทางเราใช้เวลาอีกราวหนึ่งชั่วโมงครึ่งก็มาถึงตีน ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) ภูเขาไฟฟูจินี้เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว และยังเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในเมืองฟูจิโนะมิยะ (Fujinomiya) จังหวัดชิซุโอะกะ (Shizuoka) คนญี่ปุ่นเองจะเรียกภูเขาไฟฟูจิของเขานี้ว่า "ฟูจิซัง (Fujisan)" นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างหลั่งไหลมาชมความสวยงามของภูเขาแห่งนี้ในทุกฤดูกาล ในสภาพภูมิอากาศที่เปิดและปลอดภัยภูเขาแห่งนี้ยังเปิดให้นักปีนเขาได้มาปีนเขาขึ้นไปจนถึงยอดเขาได้ด้วย

เวลาขณะนั้นประมาณสี่โมงครึ่งซึ่งเป็นเวลาก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่จะปิดไม่ขึ้นเพียงครึ่งชั่งโมงเท่านั้น คุณอิสระคนขับรถชาวญี่ปุ่นของเราก็ไม่รอช้าขับตรงดิ่งขึ้นไปยังจุดชมวิวระดับชั้นที่ 5 ซึ่งเป็นชั้นที่สูงที่สุดที่รถยนต์สามารถขึ้นมาได้ทันที เมื่อรถบัสเรามาจอดถึงที่หมายแล้วจะรออะไรหละ ทุกคนต่างคนต่างออกจากรถบัสเพื่อไปชมยอดภูเขาไฟแบบใกล้ชิด แต่ขณะที่เปิดประตูรถบัสเท่านั้นเอง เรารู้สึกได้ในทันทีถึงความหนาวเย็นพร้อมกับลมที่พัดแรงตลอดเวลาทำให้รู้สึกยิ่งหนาวเข้าไปใหญ่


ภูเขาไฟฟูจิ, ฟูจิซัง

อันดับแรกที่ลงจากรถบัสได้ก็ต้องวิ่งหาที่ถ่ายรูปกันก่อนแม้ว่าเวลานั้นเราจะอั้นปัสาวะไว้ก็ตาม แต่ถ่ายรูปได้ไม่นานก็ต้องวิ่งหาห้องน้ำจนได้ ผมสั่งเกตุเห็นว่าผู้คนส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนทั้งนั้น พวกเราถ่ายรูปกันได้ไม่นานก็เริ่มจะมืดแล้วและก็ถึงเวลาที่เขาจะปิดภูเขาแล้ว ลาก่อนครับฟูจิซังโอกาสหน้าจะมาดูตอนที่หิมะปกคลุมยอดเขามากกว่านี้ แล้วพบกันใหม่


ภูเขาไฟฟูจิ, ฟูจิซัง
ภูเขาไฟฟูจิ, ฟูจิซัง
ภูเขาไฟฟูจิ, ฟูจิซัง

คืนนี้เราจะพักบนเนินเขาแต่ไม่ใช่บนฟูจิซังนะครับ ที่พักที่จองไว้อยู่ห่างจากที่นี่ประมาณเกือบ 90 กิโลเมตรอยู่ในจังหวัดจังหวัดชิซุโอะกะ เราใช้เวลาเดินทางราว 2 ชั่วโมงก็มาถึงโรงแรม ฟูจิ ฮาโกเนะ แลนด์ (Fuji Hakone Land Hotel) ประมาณสองทุ่มครับ สามารถหาข้อมูลโรงแรมนี้เพิ่มเติมได้ที่นี่ http://www.fujihakoneland.or.jp/index.html หลังจากเช็คอินและเก็บกระเป๋าเดินทางเข้าห้องเรียบร้อยแล้ว เราก็มุ่งตรงสู่ห้องอาหารเพื่อทานมื้อค่ำทันที


โรงแรม ฟูจิ ฮาโกเนะ แลนด์
โรงแรม ฟูจิ ฮาโกเนะ แลนด์

อาหารค้ำมื้อนี้เป็นบุฟเฟ่นานาชาติพร้อมขาปูยักษ์ พร้อมกับชื่นชมบรรยากาศวิวมุมสูงชมแสงไฟของเมืองนุมะซุ (Numazu) ที่ติดกับอ่าวซุรุงะ (Suruga Bay) บรรยากาศดีจริงๆ หลังจากทานมื้อค่ำเสร็จเรียบร้อยต่อไปก็เป็นไฮไลท์ของโรงแรมนี้ครับ คือการอาบน้ำแบบออนเซ็นพร้อมกับชมวิวทิวทัศน์จากที่สูงเช่นเดียวกับห้องอาหาร ห้องอาบน้ำแบบออนเซ็นจะเป็นสระน้ำร้อนในร่มและลงไปแช่น้ำรวมกับบุคคลอื่นที่เป็นลูกค้าของโรงแรมโดยต้องแก้ผ้าหมดไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน มันเป็นธรรมเนียมการอาบน้ำแบบญี่ปุ่นที่เราจะต้องขอลองสักครั้งหนึ่งในชีวิต ขออภัยที่ไม่สามารถถ่ายรูปในห้องอาบน้ำมาให้ดูได้ เนื่องจากภายในห้องนอนไม่มีไวไฟให้ ดังนั้นหลังจากอาบน้ำเสร็จผมกับภรรยาก็ชวนกันลงไปนั่งเล่นอินเตอร์เน็ตที่ห้องล็อบบี้ของโรงแรมจนถึงเวลาประมาณห้าทุ่มเราก็ขึ้นห้องนอน


โรงแรม ฟูจิ ฮาโกเนะ แลนด์
โรงแรม ฟูจิ ฮาโกเนะ แลนด์
เมืองนุมะซุ ที่ติดกับอ่าวซุรุงะ
โรงแรม ฟูจิ ฮาโกเนะ แลนด์



โปรดติดตามรีวิวตอนต่อไป ตอนที่ 3
ย้อนกลับไปรีวิวตอนที่แล้ว  ตอนที่ 1


แสดงความคิดเห็น

0ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น (0)