รีวิวแนะนำที่พัก เวลาเวียนรีสอร์ท (Veravian resort) ที่พักท่ามกลางธรรมชาติในวังน้ำเขียว นครราชสีมา ประเทศไทย

0

ผ่านฤดูหนาวย่างเข้าฤดูร้อนในเดือนมีนาคม ผมและภรรยาอยากจะไปนอนต่างจังหวัดกันสักหนึ่งคืน คิดไว้ว่าจะเอาที่เรายังไม่เคยไปและบรรยากาศก็ต้องไม่ร้อน ภรรยาผมก็เลยลองหาที่พักดูหลายๆที่ และก็มาเลือกกันว่าจะไปที่ไหนกันดี สุดท้ายเราก็เลือก เวลาเวียน รีสอร์ท (Veravian resort) ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติบนเนินเขาในอำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย ซึ่งอยู่บนผืนป่าติดกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อีกทั้งยังไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนักสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืน



ก่อนอื่นเรามาดูตำแหน่งที่ตั้งของที่พักเวลาเวียนรีสอร์ทแห่งนี้กันก่อนโดยอาศัยจุดพิกัดบนแผนที่กูเกิ้ลแมพกันครับ จะเห็นว่าที่พักจะอยู่ใกล้กับถนนทางหลวงหมายเลข 3052 ซึ่งเป็นเส้นทางที่วิ่งระหว่างเขาใหญ่กับวังน้ำเขียว หากเดินทางจากกรุงเทพฯเราสามารถไปได้สองเส้นทางคือเส้นทางที่หนึ่งใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 2 วิ่งผ่านรังสิต-สระบุรี-นครราชสีมา และเส้นทางที่สองใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 304 วิ่งผ่านมีนบุรี-ฉะเชิงเทรา-ปราจีนบุรี-นครราชสีมา



ขาไปเราเลือกเส้นทางที่สองคือไปทางถนนทางหลวงหมายเลข 304 และขากลับเราจะกลับทางเขาใหญ่ปากช่องใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 2 ครับเพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศระหว่างเดินทางไปและกลับ 
เราเดินทางกันมาถึงบ่ายสามโมงแบบไม่เร่งรีบสบายๆ ทำการเช็คอินที่พักที่เคาท์เตอร์ในโซนล็อบบี้กันก่อนเป็นอันดับแรก และรับการต้อนรับด้วยน้ำดื่ม (Welcome drink) กันคนละแก้วจากเจ้าหน้าที่สาวสวยของรีสอร์ท



บริเวณโซนล็อบบี้เป็นพื้นที่เปิดโล่งรับลมธรรมชาติ และมีระเบียงชมวิวกลางแจ้งที่มีพื้นที่เปิดถึงกันเพื่อชมวิวในมุมสูง ทางด้านในจะเป็นทางเดินไปยังสระว่ายน้ำและร้านอาหารของรีสอร์ท จากระเบียงบนนี้เราสามารถมองเห็นห้องพักแบบ แคมป์ปิ้ง แคปซูล (Camping Capsule) ซึ่งเป็นห้องพักที่เราจะมาพักและทำการรีวิวในครั้งนี้ ตอนนี้อากาศร้อนและแดดยังแรงอยู่เรารีบเข้าห้องพัก เก็บสัมภาระ และพักผ่อนกันเลยดีกว่าครับ






เราจะต้องขับรถลงไปจอดรถที่ลานจอดด้านล่างและเดินขึ้นมาจะใกล้กว่าเดินจากบนล็อบบี้นี้ลงไป ระหว่างทางเราจะเห็นบริเวณลานสนามหญ้ากว้างและมีกลุ่มกังหันลมสีขาวซึ่งเป็นโซนสำหรับกางเต้นท์ และโซนนี้ก็จะอยู่ติดกับโซนที่พัก แคมป์ปิ้ง แคปซูล ที่เราจะไปพัก ช่วงที่เราไปนั้นทางรีสอร์ทยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปกางเต้นท์ครับ เรามาถึงแล้วครับ แคมป์ปิ้ง แคปซูล ห้องพักที่มีลักษณะเหมือนถังวางตะแคงข้างเรียงกันเป็นแถวยาว มีทางเดินด้านหน้าเชื่อมต่อถึงกัน และกั้นพื้นที่แต่ละห้องพักด้วยรั้วไม้ระแนง บริเวณโดยรอบโซนนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยด้วยกล้องวงจรปิด


เรามาดูห้องพักกันดีกว่า ด้านนอกจะมีเก้าอี้เล็กๆให้สองตัว ตัวห้องจะมีลักษณะเป็นเหมือนถังแคปซูลทำด้วยปูนซีเมนต์ ทางด้านขวาจะเป็นบริเวณห้องน้ำที่อยู่ภายนอกไม่สามารถเข้าจากภายในห้องได้ ไหนๆก็อยู่ข้างนอกแล้วเรามาดูห้องน้ำกันก่อนเลยละกัน ด้านหน้าห้องน้ำจะมีกระจกและอ่างล้างหน้า ประตูห้องน้ำเป็นไม้เปิดออกแบบบานเลื่อน ข้างในห้องน้ำก็จะมีฝักบัวอาบน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น ครีมอาบน้ำ ที่แขวนเสื้อผ้าเล็กๆ และโถสุขภัณฑ์มีน้ำฉีดพร้อมกระดาษชำระ สำหรับหน้าต่างห้องนอนที่อยู่ในห้องน้ำก็สามารถเปิดจากในห้องนอนเพื่อพูดคุยหรือส่งของให้คนในห้องน้ำก็ได้


เรากลับออกมาจากห้องน้ำและไปดูในห้องนอนกันดีกว่า ตื่นเต้นจริงๆ เราเปิดประตูที่ทำด้วยอลูมิเนียมออกก็จะเจอกับเตียงนอนสำหรับสองคนเลยครับ ขนาดห้องก็พอดีกับเตียงและมีผนังเป็นเหลี่ยมๆ มีโคมไฟสีชมพูหวานแหววให้บนหัวเตียง ที่นอนก็หนานุ่มไม่แข็งและไม่ยุบตัวนอนสบายดีมาก บนผนังฝั่งหัวเตียงก็ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ผนังด้านซ้ายและขวามีหน้าต่างฝั่งละสองบานพร้อมผ้าม่านเล็กๆปิดอยู่ ผ้าเช็ดตัวมีให้สองผืนวางอยู่บนเตียงนอนครับ




ผนังด้านขวามือติดกับประตูจะมีราวแขวนผ้า ส่วนผนังด้านซ้ายมือก็จะมีทีวีจอแบน แก้วและขวดน้ำดื่มสองชุด ขนมโอริโอ้หนึ่งซอง กระดาษทิชชู และปลั๊กไฟฟ้า เรายังสามารถใช้ปลั๊กไฟฟ้าได้อีกที่ๆอยู่ข้างหัวเตียงด้านซ้ายมือครับ อีกมุมหนึ่งเมื่อมองจากบนเตียงออกมาที่ประตูก็ให้ความรู้สึกไปอีกแบบ ด้านเหนือประตูจะติดกระจกเพื่อให้แสงส่องเข้ามาได้ตลอดเวลา และในห้องนี้เราก็ยังสามารถเล่นอินเตอร์เน็ตผ่านฟรีไวไฟของทางรีสอร์ทได้ด้วยครับ กุญแจล็อคประตูก็เป็นแบบด้านในใช้หมุนบิดและด้านนอกใช้กุจแจไข


พอตกเย็นแดดร่มแล้วเราก็ออกจากห้องไปดูวิวยามเย็นกันสักหน่อย เราขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าของร้านอาหารเพื่อชมพระอาทิตย์ตกหลังเขาหัวโล้น ดูๆแล้วช่างแห้งแล้งเสียเหลือเกิน เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้วเราก็ลงไปถ่ายรูปเล่นแถวสระว่ายน้ำกันต่อ แล้วก็ไปถ่ายรูปที่ระเบียงติดกับล็อบบี้ก่อนที่จะไปทานมื้อเย็นครับ หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จฟ้ามืดได้สักพักเราก็พากันไปดูดาวและรับลมเย็นที่ลานโล่งบริเวณโซนกางเต้นท์ เรานั่งเล่นและทานขนมขบเคี้ยวท่ามกลางธรรมชาติกันเกือบสี่ทุ่มก็ได้เวลาเข้านอนแล้วครับ




เช้าวันรุ่งขึ้นที่ เวลาเวียน รีสอร์ท บรรยากาศดีมากอากาศสดชื่นเย็นสบาย ที่นี่ไม่มีจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นเพราะฉนั้นไม่ต้องรีบตื่นเช้ามากนักก็ได้ หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วก็ได้เวลาไปทานอาหารเช้า เราซื้อห้องพักพร้อมอาหารเช้าเพื่อความสะดวกสบายจะได้ไม่ต้องไปหาทานที่ไหน ทางไปร้านอาหารก็จะต้องเดินขึ้นบันไดไปยังเนินที่อยู่ด้านบนครับ ร้านอาหารชื่อ the clockwise มีลักษณะพื้นที่เปิดโล่งอยู่ในบรรยากาศวิวธรรมชาติที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้และขุนเขา



อาหารก็จะมีให้สั่งได้ 3 เมนูคือ ข้าวต้มหมูเห็ดหอม มักกะโรนี และก็ผักสลัด เมื่อสั่งแล้วก็รอให้พนักงานมาเสริฟให้ ผมสั่งมาทานทั้งสามอย่างเลยครับ ส่วนอาหารที่เดินไปบริการด้วยตัวเองได้เลยก็จะมี ชา กาแฟ โอวัลติน นม น้ำผลไม้ ขนมปัง แยมทาขนมปัง เป็นต้นครับ ทานเสร็จผมและภรรยาก็พากันกลับไปที่ห้องพัก นั่งเล่นจนอาหารย่อยเสร็จแล้วเราก็พากันมาเล่นน้ำที่สระว่ายน้ำ ซึ่งก็อยู่ติดกับร้านอาหารที่เรามาทานมื้อเช้ากันนั่นแหละ สระว่ายน้ำที่นี่จะเป็นสระน้ำล้นไร้ขอบและอยู่บนเนินสูง ทำให้เราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ภูเขาได้กว้างไกลแบบไม่มีอะไรมาบังสายตาครับ


ผมและภรรยาเล่นน้ำกันจนแดดเริ่มร้อนแรงเราก็ขึ้นจากสระว่ายน้ำ และลงไปอาบน้ำแต่งตัวเก็บสัมภาระที่ห้องพัก เพื่อเตรียมตัวเช็คเอาท์กันในตอนเที่ยงตรงครับ อย่างที่บอกไว้ในตอนต้นว่าขากลับเราจะใช้เส้นทางเขาใหญ่ปากช่อง ซึ่งก็จะผ่านอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงก็เลยขอทิ้งท้ายกันด้วยรูปต่อไปนี้ ขอลากันไปก่อนครับ...สวัสดีครับ ^_^

แสดงความคิดเห็น

0ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น (0)