รีวิวแนะนำที่พัก โรงแรม ซีซั่น พาเลซ หัวหิน (Season Palace Hua Hin Hotel) ที่พักหลักร้อยบาท เดินทางสะดวกติดถนนเพชรเกษม

2

มีงานด่วนสำคัญที่สุดที่ต้องไปอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประเทศไทย ด้วยความที่ขี้เกียจหรืออายุเริ่มมากขึ้นแล้วที่จะต้องขับรถไปธุระและกลับภายในเวลาหนึ่งวัน ก็เลยหาเรื่องนอนพักค้างแรมที่นั่นสักหนึ่งคืนกันหน่อย คราวนี้เราเน้นที่เดินทางเข้าออกสะดวกและราคาไม่แพงเพราะคิดว่าคงจะไม่ได้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรมมากสักเท่าไหร่ ภรรยาผมเลยแนะนำที่ โรงแรม ซีซั่น พาเลซ หัวหิน (Season Palace Hua Hin Hotel) เพราะเราเคยพักกันที่นี่มาแล้วครั้งหนึ่ง และที่สำคัญราคาห้องพักก็อยู่ในช่วงหลักร้อยบาทด้วยครับ ตามมาดูกันดีกว่าว่าที่พักที่นี่จะเป็นอย่างไร

ถ้าหากเราเดินทางจากจังหวัดเพชรบุรีผ่านอำเภอชะอำ โรงแรม ซีซั่น พาเลซ หัวหิน จะตั้งอยู่ติดริมถนนเพชรเกษม(ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4)ทางด้านขวามือก่อนถึงใจกลางตัวเมืองหัวหินประมาณ 6 ถึง 7 กิโลเมตร หรือถ้าเดินทางด้วยรถยนต์เข้าหัวหินก็จะใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเท่านั้น และยังอยู่ติดกับเส้นทางรถไฟสายใต้ด้วย สามารถดูพิกัดได้ตามแผนที่กูเกิ้ลแมพดังต่อไปนี้ครับ


แม้ว่าชื่อของโรงแรมจะมีคำว่าหัวหิน แต่แท้จริงแล้วโรงแรมตั้งอยู่ในเขตอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อาจจะเป็นเพราะว่าที่ตั้งอยู่ใกล้ตัวเมืองหัวหินมากกว่าตัวเมืองชะอำนั่นเอง จุดสังเกตุง่ายๆเมื่อเรานั่งรถจากอำเภอชะอำมาตามถนนเพชรเกษมพอลอดผ่านอุโมงค์ที่อยู่ใต้รันเวย์สนามบินหัวหินมาได้สักประมาณ 400 เมตร (รันเวย์นี้ทอดยาวข้ามเข้ามาในเขตอำเภอชะอำ) ก็จะเห็นโรงแรมอยู่ทางขวามือมีป้ายชื่อโรงแรมเห็นชัดเจน เราต้องเลยตรงไปกลับรถมาที่จุดยูเทินร์ข้างหน้าซึ่งก็อยู่ไม่ไกลกันครับ บริเวณถนนทางเข้าโรงแรมด้านหน้าเป็นพื้นคอนกรีตมีขนาดกว้างขวาง ทางด้านขวามือจะเป็นที่จอดรถยนต์ส่วนตัวของโรงแรมซึ่งจะอยู่ติดกับถนนใหญ่ ที่จอดรถจะอยู่กลางแจ้งโล่งไม่ค่อยมีร่มไม้ ปูพื้นด้วยอิฐบล็อก และสามารถรองรับรถยนต์ที่จะมาจอดได้หลายคัน


โรงแรม ซีซั่น พาเลซ หัวหิน เป็นโรงแรม Boutique จำนวน 3 ชั้นที่มีการตกแต่งอาคารและห้องพักในรูปแบบเฉพาะที่นำสมัยแม้จะไม่ใช่โรงแรมที่เพิ่งเปิดใหม่ก็ตาม ห้องพักจะอยู่ที่ชั้น 2 และชั้น 3 กะดูด้วยสายตาคร่าวๆน่าจะมีจำนวนห้องพักทั้งหมดประมาณ 80 ห้อง ซึ่งก็ถือว่าเป็นโรงแรมที่ไม่ใหญ่มากเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องการพักอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน ส่วนชั้น 1 หรือชั้นล่างจะมี ห้องโถงรับรองแขก ห้องอาหาร และห้องจัดงานเลี้ยงประชุมสัมนา


หลังจากจอดรถยนต์ที่ลานจอดรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็เดินไปติดต่อกับพนักงานโรงแรมที่แผนกต้อนรับในอาคารเพื่อทำการเช็คอินห้องพัก ระหว่างทางบริเวณประตูทางเข้าอาคารจะสังเกตุเห็นว่ามีรถมอเตอร์ไซค์สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้เช่าขับอยู่จำนวน 2 คัน พอดีผมมัวแต่เช็คอินก็เลยไม่ได้ถามว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ของที่นี่หรือเปล่าและค่าเช่าราคาเท่าไหร่ เราเปิดประตูเข้าไปที่ห้องโถง ทางด้านซ้ายมือจะเป็นเคาน์เตอร์ต้อนรับ และทางด้านขวามือจะเป็นที่นั่งรับรองลูกค้า หลังจากทำการลงทะเบียนการเข้าพักกับพนักงานของโรงแรมแล้ว เราก็หิ้วสัมภาระกระเป๋าเดินทางเดินขึ้นบันไดไปยังห้องพักที่อยู่ชั้นบน เนื่องจากที่นี่จำนวนชั้นไม่เยอะมีแค่ 3 ชั้นเท่านั้นจึงไม่มีลิฟท์ไว้ให้บริการครับ



ที่ประตูห้องพักจะใช้กุญแจเปิดปิดล็อกที่ลูกบิด เมื่อเปิดประตูเข้าไปทางด้านซ้ายมือจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบสร้างถาวรติดกับผนัง (Built-In) และมีไม้แขวนเสื้อในตู้อยู่สองอัน ติดกันถัดไปเป็นชั้นวางของ ส่วนทางด้านขวามือก็จะเห็นประตูห้องน้ำ แต่เดี๋ยวเราค่อยกลับมาเข้าสำรวจภายในห้องน้ำกันทีหลัง ตอนนี้เราเดินตรงไปอีกนิดก็จะพื้นที่ที่เป็นที่นอน เตียงนอนเป็นแบบดับเบิ้ลหรือเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ที่สามารถนอนได้ 2 คนและมีโต๊ะข้างเตียงทั้งซ้ายขวาพร้อมกับเต้ารับสำหรับเสียบปลั๊กไฟทั้ง 2 ด้าน บนที่นอนก็มีผ้าเช็ดตัวให้ 2 ผืนครับ



ที่ปลายตีนเตียงนอนก็มีโต๊ะยาวแบบ Built-In บนโต๊ะก็มีน้ำดื่มและแก้ว 2 ชุด มีทีวีสีจอแบนขนาดไม่ใหญ่ มีตู้เย็นเล็กที่ข้างในว่างเปล่า มีกระจกติดผนังกับเก้าอี้ 1 ตัว และมีเต้ารับสำหรับปลั๊กไฟด้วยครับ ถัดจากส่วนของที่นอนก็จะเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนเล็กๆซึ่งก็มีที่นั่งยาวติดกับหน้าต่าง ที่มุมนี้ก็ยังมีเต้ารับสำหรับปลั๊กไฟให้อีก ข้างๆที่นั่งที่มีผ้าม่านยาวปิดอยู่ก็เป็นประตูสำหรับออกไปที่ระเบียงชมวิวด้านหลังโรงแรม จุดตรงนี้ก็ยังมีเต้ารับสำหรับปลั๊กไฟให้อีกด้วย เรียกได้ว่ามีเต้ารับอยู่ทุกมุมห้องเลยครับ



เรากลับไปสำรวจในห้องน้ำกันต่อดีกว่าครับ ห้องน้ำที่นี่มีขนาดเล็กกระทัดรัด ข้างในมีอ่างล้างหน้าขนาดเล็ก กระจกส่องหน้า ราวตากผ้า 2 จุด โถสุขภัณฑ์พร้อมสายน้ำฉีดและกระดาษม้วนชำระ ฝักบัวอาบน้ำและเครื่องทำน้ำอุ่น ส่วนอุปกรณ์การอาบน้ำที่โรงแรมเตรียมให้เราก็มีสบู่ก้อน สบู่เหลวอาบน้ำ แชมพูสระผม หมวกคลุมผมอาบน้ำ และคอตตอนบัด



ในภาพรวมแล้วเราจะสังเกตุเห็นว่าภายในห้องนอนจะออกแบบและตกแต่งด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆก็จะทำแบบสร้างถาวร หรือ Built-In ติดกับผนังห้อง สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นต่างๆภายในห้องก็มีให้ค่อนข้างครบ สิ่งหนึ่งที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวก็คือความสว่างภายในห้องนอนที่มีความสว่างกำลังดี เพราะมีดวงไฟหลายดวงบนเพดาน ไม่เหมือนกับห้องนอนของโรงแรมบางแห่งที่ค่อนข้างมืดสลัว



สำหรับห้องพักหลักร้อยที่เราจองนี้ยังรวมอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ด้วยนะครับ เรามาดูกันสิว่าอาหารเช้าที่นี่มีอะไรบ้าง ช่วงเวลาเปิดให้บริการอาหารเช้าตั้งแต่ 07.00 ถึง 10.00 น. พอเจ็ดโมงเช้าผมกับภรรยาก็เดินลงมาที่ห้องอาหารชั้น 1 ภายในห้องอาหารนี้กว้างมากจัดวางโต๊ะไม่แออัดดีครับ อาหารคาวก็มีข้าวสวย ข้าวพัด ข้าวต้ม ซุปน่องไก่ ผัดกะเพรา ไส้กรอก และไข่ดาว ผลไม้ก็มีแตงโม ส่วนเครื่องดื่มก็มีน้ำเปล่า นำ้ส้ม ชา กาแฟ พร้อมกับขนมปัง เนย และแยมต่างๆ ผมลองทานแทบทุกอย่างอิ่มจนพุ่งปลิ้นเลยครับ



นอกจากนี้แล้วโรงแรมที่นี่ก็ยังมีสระว่ายน้ำให้ด้วยนะครับ สระว่ายน้ำจะอยู่บริเวณด้านหน้าของอาคาร ถึงแม้สระจะมีขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็ยังมีมุมสำหรับให้เด็กเล่นได้ด้วย หากไม่เล่นน้ำแต่จะมานั่งเล่นกินลมหรืออาบแดดก็ได้ ปรกติผมจะไม่พลาดที่จะลงเล่นน้ำแต่สำหรับทริปนี้ผมไม่ค่อยมีเวลาก็เลยไม่ได้ลงไปเล่นน้ำครับ



เนื่องจากทางด้านหลังของโรงแรมจะอยู่ใกล้กับรางรถไฟที่วิ่งลงภาคใต้ ดังนั้นก็จะมีรถไฟวิ่งผ่านอยู่ตลอดแม้ในเวลากลางคืนก็ตาม เวลาที่เราอยู่ในห้องนอนก็จะได้ยินเสียงรถไฟวิ่งผ่าน ความถี่ของการวิ่งที่ผมได้ยินในตอนค่ำก่อนที่ผมจะนอนน่าจะประมาณ 1 หรือ 2 ขบวน แต่หลังจากนอนแล้วผมก็หลับยาวถึงเช้าเลยครับ และผู้ที่ต้องการเล่นอินเตอร์เน็ตทางโรงแรมก็มีสัญญาณไวไฟ (Wi-Fi) ให้เล่นกันได้แบบฟรีๆถึงในห้องนอนเลยครับ

สุดท้ายนี้หากมีความประสงค์ต้องการห้องพักที่นี่ ผมแนะนำให้ซื้อหาตามเอเย่นต์ท่องเที่ยวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเอเย่นต์แบบออนไลน์หรือออฟไลน์ก็ตาม น่าจะได้ราคาถูกกว่าไปติดต่อโดยตรงกับทางโรงแรม หรือจะลองโทรสอบถามกับทางโรงแรมก่อนก็ได้ สำหรับในตอนนี้ก็ต้องขอลาไปก่อนเพียงเท่านี้... สวัสดีครับ ^_^



แสดงความคิดเห็น

2ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น