รีวิว สถานที่ท่องเที่ยว 5 วัน 4 คืน "รักแรก...หมดใจ...ในฮอกไกโด (Hokkaido-Snow-FirstLove)" [EP.4/6]

โปรแกรมเที่ยววันนี้ของเราจะเดินทางออกไปยังเมือง โอตารุ หรือ โอะตะรุ (Otaru) ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ติดชายทะเล ที่มีนักท่องเที่ยวไปมากที่สุดเมืองหนึ่งของเกาะ ฮอกไกโด เพราะอยู่ไม่ไกลจาก ซัปโปโร เราจะไปเช้ากลับเย็นอยู่เที่ยวที่เมืองนี้กันทั้งวันให้หนำใจกันไปเลย เช้าว้นนี้ท้องฟ้าดูครึ้มๆแต่ไม่มีหิมะตกมาเลยเหมือนกับเมื่อวานที่ตกทั้งวัน รอลุ้นว่าวันนี้จะเจอหิมะตกอีกไหม

Music Video 1

Music Video 2

อาหารมื้อเช้านี้ตั้งใจจะไปกินที่เมือง โอตารุ แต่เราจะแวะ ร้านสะดวกซื้อ เพื่อหาของกินนิดหน่อยรองท้องไปก่อน จากนั้นก็เดินทางโดยเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีส้ม Subway Tozai Line สถานี NISHIJUITCHOME [T08] เดินลงที่ทางขึ้นลงที่ 3 แล้วขึ้นขบวนรถที่ไป SHINSAPPORO นั่งไป 1 สถานีลงที่สถานี ODORI [T09] แล้วเดินผ่านทางเชื่อมใต้ดินไปต่อสายสีเขียว Subway Nanboku Line สถานี ODORI [N07] ขึ้นขบวนรถที่ไป ASABU นั่งไปลง สถานี SAPPORO(SUBWAY) [N06] ค่าโดยสารคนละ 210 เยน

จากนั้นเดินผ่านทางเชื่อมขึ้นไปต่อ รถไฟฟ้า JR Hokkaido สาย Hakodate Line สถานี SAPPORO(JR) [01] โดยวิธีซื้อตั๋ว รถไฟฟ้า JR สามารถไปดูบทความได้ที่ “แนะนำ วิธีซื้อตั๋วขึ้นรถและจ่ายค่าโดยสารของบริการระบบขนส่งมวลชนในเมืองซัปโปโร (JR, Subway, Streetcar, Bus in Sapporo)” เราขึ้นขบวนรถ Local (เนื่องจากยังเช้าอยู่จึงยังไม่มีขบวนรถ Rapid) เรานั่งยาวๆไปลง สถานี OTARU [S15] ตลอดเส้นทางรถไฟฟ้าจะจอด 14 สถานี ค่าโดยสารคนละ 750 เยน (หากซื้อตั๋วแบบไปกลับไม่แน่ใจว่าราคาจะถูกลงหรือเปล่า) ผมได้วางแผนเส้นทางเดินเที่ยวใน โอตารุ วันนี้เอาไว้แล้วตามลำดับตามแผนที่ด้านล่างนี้

ออกจากสถานีเราก็เดินไปทางซ้ายตรงขึ้นไปยังบันไดก็จะเห็นประตูทางเข้า ตลาดปลาซันคาคุ (Sankaku Fish Market) เวลาเปิดบริการ 8:00-17:00 น. เพื่อกินอาหารเช้า (ช่วงสาย) ในตลาดก็มีร้านอาหารให้เลือกอยู่หลายร้าน ผมกับภรรยาก็ใช้วิธีดูจำนวนคนนั่งกินในร้าน ถ้าร้านไหนมีคนเยอะก็เข้าร้านนั้นง่ายดีครับ เมนูที่ต้องสั่งคือ ข้าวหน้าทะเล (Kaisen-Don) ซึ่งประกอบไปด้วย ข้าวสวย ปลา กุ้ง หอย ปู ไข่ปลา ไข่หอยเม่น เป็นต้น แถมสั่ง ปลาหมึก และ ไข่หอยเม่น (อูนิ) มาเพิ่มอีกมื้อสายนี้เลยกินกันแพงหน่อยในราคา 10,697 เยน

กินอิ่มเสร็จก็เดินไปต่อกันที่ ทางรถไฟเทมิยะเก่า (Former TEMIYA LINE) ซึ่งเป็นทางรถไฟสายเก่าแก่ที่ถูกเลิกใช้งานไปแล้ว มีความยาวประมาณ 2.8 กิโลเมตร เริ่มเปิดใช้งานตั้งแต่ปี 1880 และมีการรื้อถอนในปี 1985 แต่บางส่วนก็ยังหลงเหลืออยู่เพื่อบ่งบอกถึงประวัติศาสตร์ในอดีต ปัจจุบันได้ถูกดัดแปลงไปเป็นสวนสาธารณะ โชคยังดีช่วงวันที่เราไปยังพอมองเห็นรางรถไฟโบราณ ที่เกือบถูกน้ำแข็งหิมะปกคลุมจนมิดสนิท

จากนั้นก็เดินไปต่อที่ สะพานจูโอ (Chuo Bridge) เพื่อถ่ายรูปคู่กับสะพานและคลองโอตารุ ช่วงนี้เริ่มมีฝนตกลงมาเรื่อยๆแทนที่จะเป็นหิมะก็เลยรู้สึกผิดหวังนิดๆ เพราะใครๆมา โอตารุ ก็จะบอกกันว่าเจอแต่หิมะตกตลอด การที่ฝนตกทำให้มันชะล้างหิมะนุ่มๆบนพื้นทางเดินออกจนเหลือแต่น้ำแข็ง เราจึงไม่สามารถเดินไปยัง สะพานอาซาฮิ (Asahi Bridge) ได้เพราะพื้นลื่นเดินยากมาก เลยต้องหาที่หลบฝนใกล้ๆก่อนและถ่ายรูป สะพานอาซาฮิ จากระยะไกลแทน

เมื่อฝนตกเบาลงเล็กน้อยเราจึงตัดสินใจเดินไปต่อกันที่ สะพานอาซาคุสะ (Asakusa Bridge) ซึ่งเป็นจุดเช็คอินและเป็นมุมถ่ายรูป คลองโอตารุ (Otaru Canal) ยอดนิยมที่ใครๆมาก็ต้องไม่พลาด จากจุดนี้เราก็ไปเที่ยวต่อที่ ถนนช้อปปิ้ง ซาคาอิมาจิโดริ (Sakaimachidori Shopping Street) ระหว่างที่เดินบนถนนช้อปปิ้งเราแวะร้าน คิตะอิจิ ฮอล อาคาร 3 (Kitaichi Hall 3 cafe' Restaurant) เพื่อที่จะกินของหวานเป็น ไอศครีม 8 ชั้น

หลักจากนั่งกิน ไอศครีม 8 ชั้นราคา 650 เยน พร้อมกับกาแฟวนิลาร้อนๆราคา 450 เยนเสร็จแล้ว เราก็ไปนั่งต่อที่ร้าน โระคะเตะ สาขา คลองโอตารุ (Rokkatei Otaru Canal Shop) เพื่อกินขนม ยูกิคอนชีส ราคา 448 เยน และ ครีมพัฟ ราคา 204 เยน บนชั้น 2 ซึ่งทางร้านมีกาแฟดำบริการให้ฟรีคนละ 1 แก้ว ใช้เวลาไม่นานเราก็ไปต่อที่ หอนาฬิกาไอน้ำโบราณ (Otaru Steam Clock Tower) ที่มีอายุเก่าแก่ตั้งอยู่ที่หน้า พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี เมืองโอตารุ อาคารหลัก (Otaru Music Box Museum Main Building) เราตั้งใจถ่ายรูปเลียนแบบในหนัง แฟนเดย์แฟนกันแค่วันเดียว ตอนที่นาฬิกามันส่งเสียงร้องและพ่นไอน้ำออกมา กว่าจะถ่ายได้ก็ใช้เวลาพอสมควรเพราะนักท่องเที่ยวเยอะมากตรงจุดนี้

พอได้รูปที่ต้องการแล้วเราก็เข้าไปชม กล่องดนตรี ภายในอาคาร พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี เมืองโอตารุ อาคารหลัก ซึ่งมี กล่องดนตรี อยู่หลากหลายรูปแบบมากทั้งชั้นล่างและชั้นบน เดินชมจนพอใจเราก็ออกไปหาขนมกินที่ร้าน เลอเตา สาขาหลัก (LeTAO Main Building) เราขึ้นไปชั้นบนแล้วสั่งชุดเครื่องดื่มกับขนม Double Fromage Cheesecake ราคา 990 เยน และชุดเครื่องดื่มกับขนม Dekitate Double ราคา 990 เยน มานั่งกินกัน ที่ผ่านมาเราแวะกินตลอดทางจนไม่ต้องหากินมื้อกลางวัน

ตอนนี้เวลาประมาณ 4 โมงเย็นก็ได้เวลากลับไปที่ สะพานอาซาคุสะ อีกครั้งเพื่อไปชม คลองโอตารุ ในยามเย็นเพราะจะมีการเปิดไฟประดับในบริเวณนั้น พอไปถึงนักท่องเที่ยวยืนกันเต็มเลยโดยเฉพาะตากล้องก็ตั้งขาตั้งกล้องจับจองมุมสวยๆกันหมดแล้ว ช่วงระหว่างชมความสวยงาม คลองโอตารุ ก็ยังมีฝนตกลงมาโปรยปรายอยู่ตลอด พอฟ้าเริ่มมืดแล้วเราก็ได้เวลาไปหามื้อเย็นกินกันก่อนกลับ ซัปโปโร

เราเลือกร้าน ไก่อ่อนทอด นารุโตะ (Naruto Honten) ร้านอาจจะอยู่ไกลจาก สะพานอาซาคุสะ แต่ก็เป็นทางเดียวกันกับทางที่กลับไปยัง สถานีรถไฟฟ้า JR โดยที่ระหว่างทางเราเดินผ่าน ถนนช้อปปิ้ง มิยาโกะโดริ (Miyakodori Shopping Street) เมื่อมาถึงร้านอาหารเข้าไปในร้านให้กดรับคิวจากเครื่องแจกบัตรคิวอัตโนมัติ แต่ถ้าเครื่องแจกคิวไม่ทำงานก็ไม่เป็นไร เข้าไปหาที่นั่งเลือกรายการอาหารซึ่งเราทั้งสองคนเลือกเมนู เซ็ตไก่ทอดครึ่งตัวพร้อมข้าวเปล่าและน้ำซุป ราคา 1,050 เยน จากนั้นให้ไปสั่งอาหารและชำระเงินเลยที่เคาน์เตอร์แล้วมานั่งรอที่โต๊ะ แม้ไก่แค่ครึ่งตัวแต่ก็ใหญ่พอสมควรกินแล้วทั้งอร่อยและอิ่มแบบไม่ต้องสั่งอะไรเพิ่มอีก เวลาเปิดบริการ 11:00-20:30 น.

กินเสร็จแล้วหากเวลายังเหลือสามารถไปเดินเล่นที่ ถนนช้อปปิ้ง มิยาโกะโดริ อีกครั้งก็ได้ถ้าร้านค้ายังไม่ปิด และไปเดินเล่นที่ ห้าง นากาชาคิยะ (Nagasakiya) ด้วยก็ได้เพราะอยู่ใกล้กัน ที่ห้างนี้มีร้าน ดองกิโฮเต้ และร้าน ไดโซะ ที่เราคุ้นเคยด้วยนะ หลังจากเดินเล่นในห้างฯจนถึงประมาณ 20:00 น. เริ่มดึกแล้วก็ได้เวลากลับที่พัก ให้เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีรถไฟฟ้าเดิมตอนขามา ซื้อตั๋วโดยสารกลับ ซัปโปโร ราคาคนละ 750 เยน แล้วต่อรถไฟฟ้าใต้ดินกลับที่พักอีกคนละ 210 เยน วันนี้มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 2 ถึง -1 องศาเซลเซียส ...🏁

อ่านรีวิวตอนที่ 👉 EP.1/6, EP.2/6, EP.3/6, EP.4/6, EP.5/6, EP.6/6