รีวิวแนะนำท่องเที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเองไม่ง้อทัวร์ 4 วัน 3 คืน [ตอนที่ 2]

0

กำหนดการท่องเที่ยววันแรก

นองปิง 360 (Nong Ping 360) - ชมหมู่บ้านนองปิง กราบขอพรพระใหญ่แห่งวัดโป๋หลิน
ย่านจิมซาโจ่ย (Tsim Sha Tsui) - เข้าที่พัก เดินเล่นหาของทานเล่น
อะเวนิว ออฟ สตาร์ (Avenue of Star) - อนุสรณ์ดาราและปูชนียบุคคลในวงการภาพยนต์
อะ ซิมโฟนี่ ออฟ ไลท์ (A Symphony of Life) - การแสดงแสงสีเสียงจากตึกระฟ้าสำคัญๆ



ท่องเที่ยวจริง

เช้าวันแรกที่สนามบินนานาชาติฮ่องกง หลังจากรับกระเป๋าเดินทางและทำธุระส่วนตัว ล้างหน้า แปรงฟันเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินหาที่นั่งบริเวณนั้นเพื่อนั่งทานขนมปังกับนมกล่องและน้ำดื่มที่เตรียมมาจากกรุงเทพฯเป็นมื้อเช้า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปหาที่ไหนแถมประหยัดอีกด้วย น้ำดื่มถ้าหมดขวดแล้วแนะนำว่าอย่าทิ้งขวดนะครับ ให้เก็บขวดไว้เพื่อเอาไปเติมน้ำฟรีได้อีกไม่ต้องซื้อ

พอทานเสร็จก็เป็นเวลาเกือบเก้าโมงเช้าแล้วเราก็รีบเดินออกมาที่โถงใหญ่ เพื่อจะไปซื้อบัตรปลาหมึก (Octopus Card) จากข้อมูลที่เตรียมมาจะต้องซื้อที่จุด Customer Service Center/Train Ticket แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอครับ เดินไปซ้ายทีขวาทีกับภรรยาก็ยังหาไม่เจอ เลยต้องถามคนแถวนั้น เขาบอกว่าให้ไปต่อแถวซื้อที่จุดขายตั๋ว Airport Express MTR ได้เลย
สนามบินนานาชาติฮ่องกง

บัตรปลาหมึก

ซื้อมาเรียบร้อยแล้ว 2 ใบๆละ 150 HKD แต่มีเงินอยู่ในบัตร 100 HKD ส่วน 50 HKD เป็นค่ามัดจำบัตร จะได้คืนก็ต่อเมื่อเรานำบัตรนี้มาคืน บัตรนี้เป็นบัตรแบบเติมเงินที่ใช้แทนเงินสดซึ่งใช้ได้หลายสถานที่ เช่น รถไฟฟ้าใต้ดิน, รถบัสโดยสารประจำทาง, รถราง หรือแม้แต่ใช้ซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่นก็ได้สะดวกสุดๆ

จุดที่ขายตั๋ว Airport Express MTR แบบนี้มีอยู่หลายจุด มองไปทางซ้ายก็มีทางขวาก็มีหาไม่ยากครับ เราซื้อบัตรปลาหมึกอย่างเดียว เข้าเมืองเราไม่ได้ใช้บริการ Airport Express แต่เราจะใช้บริการรถบัสโดยสารประจำทางกันครับ ดังนั้นเราจึงต้องมองหาป้ายที่เขียนว่า "Bus" แล้วก็เดินตามลูกศรบนป้ายไปเรื่อยๆไม่หลงแน่นอนครับ
สนามบินนานาชาติฮ่องกง
สนามบินนานาชาติฮ่องกง

เดินจนมาถึงป้าย "Bus Terminus" ก็แสดงว่าเราอยู่ที่จุดจอดรถบัสประจำทางซึ่งเป็นสถานีต้นทางแล้วครับ ป้ายจะแสดงตำแหน่งจุดที่เรายืนอยู่ตอนนี้กับตำแหน่งจุดจอดรถบัสโดยสารแต่ละสายที่ให้บริการ เนื่องจากเรามีแผนที่จะเที่ยว Nong Ping 360 ในเช้านี้ดังนั้นเราจะต้องไปขึ้นรถบัสประจำทางสาย S1 ที่เขียนว่า "Bus to Lantau Island" จากนั้นเราก็เดินไปรอรถที่ป้ายจอดรถบัสประจำทางสาย S1 กันครับ รอซักพักไม่เกิน 10 นาทีรถบัสก็มา รถจะจอดตรงป้ายจอดพอดี

สนามบินนานาชาติฮ่องกง
สนามบินนานาชาติฮ่องกง
สนามบินนานาชาติฮ่องกง

เวลาขึ้นรถบัสให้ขึ้นที่ประตูหน้า แตะบัตรปลาหมึกที่เครื่องอ่านบัตรข้างคนขับ ถ้าเวลาจะลงก็ให้กดกริ่งแล้วลงประตูด้านหลัง (อยู่กลางรถ) รถบัสที่ให้บริการเป็นแบบสองชั้น แนะนำให้วางกระเป๋าเดินทางที่ช่องวางกระเป๋าติดกับบันไดขึ้นชั้นบน แล้วให้ขึ้นมานั่งชั้นสองหน้าสุดจะมองเห็นวิวได้ชัดเจน นั่งมาลงสุดสายที่ Tung Chung Bus Terminus ซึ่งอยู่ติดกับห้าง ซิตี้เกท เอาท์เลทส์ (Citygate Outlets) เลยครับ พิกัดที่ตั้งดูตามแผนที่กูเกิ้ลแมพที่ให้ไว้ข้างล่างนี้ได้ครับ

สนามบินนานาชาติฮ่องกง

พอลงจากรถแล้วก็เดินไปอีกนิดก็เห็นประตูเข้าห้างฯ เราจะลงไปชั้นใต้ดินของห้างฯเพื่อเอากระเป๋าเดินทางไปฝาก เดินเข้ามาหาบันไดเลื่อนลงชั้นล่างจะสังเกตุเห็นป้าย "Lockers Service" ตามลงไปเลยครับ เลี้ยวซ้ายก็จะเป็นล็อกเกอร์สำหรับฝากกระเป๋า เดินไปที่หน้าจอเครื่องฝากกระเป๋าจะมีป้ายบอกเวลาให้บริการ, ค่าบริการ และขั้นตอนการฝากกระเป๋าเอาไว้เรียบร้อยทำตามได้เลย ส่วนการจ่ายเงินต้องจ่ายก่อน 2 ชั่วโมงแรกหากเกิน 2 ชั่วโมงแรกก็ชำระตอนเอากระป๋าคืน และสามารถจ่ายด้วยบัตรปลาหมึกได้ครับ ขนาดตู้มี 2 ขนาดให้เลือก เราฝากกระเป๋า 20 นิ้วจำนวน 2 ใบก็เลือกตู้ขนาดใหญ่ ใส่ได้พอดีและยังมีที่เหลือด้านบนอีกด้วย

ห้าง ซิตี้เกท เอาท์เลทส์
ห้าง ซิตี้เกท เอาท์เลทส์
ห้าง ซิตี้เกท เอาท์เลทส์

หลังจากเราฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้วเราก็เดินขึ้นย้อนกลับไปชั้นบนออกประตูห้างทางเดิมที่เข้ามาที่อยู่ข้างจุดจอดรถบัสจะเห็นป้ายบอกทางไปขึ้นกระเช้านองปิง 360 (Nong Ping 360 Cable Car) ซึ่งอยู่ติดๆกันไม่ไกลครับ พิกัดในแผนที่กูเกิ้ลก็ตามนี้ครับ โดยทางขึ้นให้เราสังเกตุบันไดเลื่อนและบันไดขึ้นที่มีข้อความยินดีต้อนรับในภาษาต่างๆ อ่านดูแล้วมีภาษาไทยด้วย ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกซักหน่อย

กระเช้านองปิง 360

ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นบนก็จะเจอแถวอยู่ 2 แถวคือซ้ายกับขวา แถวซ้ายมือจะยาวหน่อยเป็นแถวที่มาซื้อบัตรขึ้นกระเช้าที่นี่ แต่เราเดินเข้าแถวขวามือครับเพราะเราซื้อบัตร Voucher มาเรียบร้อยแล้วจากกรุงเทพน่าจะทำให้เร็วขึ้น คนเยอะมากยืนเข้าแถวนานเหมือนกันครับ กว่าจะได้ขึ้นก็ประมาณ 10 โมงครึ่ง ถ้ามาให้ถึงเร็วกว่านี้สัก 1 ชั่วโมงก็น่าจะดี เราซื้อบัตรขึ้นกระเช้าไปกลับแบบคริสตัลราคาคนละ 900 บาท พื้นกระเช้าจะทำด้วยกระจกใส สามารถมองเห็นพื้นด้านล่างได้อย่างชัดเจน แต่ราคาก็จะสูงกว่าแบบทึบ ก่อนขึ้นรู้สึกเสียวนิดๆ แต่พอขึ้นไปแล้วไม่ต้องกลัวครับพื้นกระจกแข็งแรง

กระเช้านองปิง 360
กระเช้านองปิง 360
กระเช้านองปิง 360
กระเช้านองปิง 360

ใช้เวลาอยู่บนกระเช้าประมาณ 25 นาทีก็มาถึงที่หมายบนยอดเขา ลงจากกระเช้าเดินเล่นถ่ายรูปซักครู่ก็ท้องร้องแล้ว เราก็เดินหาร้านอาหารในหมู่บ้านนองปิงนั้นแหละ แต่รู้สึกว่าราคาแต่ละร้านสูงมาก เดินตัดสินใจกันอยู่หลายรอบก็มาลงเอยที่ร้าน Subway เพราะถูกที่สุดราคาประมาณอย่างละไม่เกิน 40 HKD ซื้อ 2 อย่างไม่เกิน 80 HKD พออิ่มหนำสำราญกันแล้วเราก็เดินออกจากหมู่บ้านนองปิงเพื่อไปไหว้พระใหญ่ วัดโป๋หลิน เรายืนอธิษฐานขอพรที่ตำแหน่งจุดกลางวงกลมด้านหน้าขององค์พระ เสร็จแล้วก็เดินขึ้นบันไดไปชมวิวมุมสูงที่ตัวองค์พระกัน แต่ก่อนจะขึ้นบันไดไปชมองค์พระข้างบนก็ขอถ่ายรูปคู่กันอีกสักที


เราอยู่ที่นี่กันจนเวลาประมาณบ่ายโมงครึ่ง มีความรู้สึกเพลียเพราะเมื่อคืนนอนน้อย เราจึงตัดสินใจชวนกันกลับไปขึ้นกระเช้าเพื่อลงจากเขาแล้วไปที่พักที่จองเอาไว้ เที่ยวกลับคนไม่เยอะมากถ่ายรูปในกระเช้าได้สะดวกหน่อย ออกจากกระเช้าก็ไปเอากระเป๋าเดินทางที่ฝากเอาไว้แล้วเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน (MTR) สายสีส้มที่สถานี Tung Chung ที่อยู่ติดกัน  จ่ายค่าโดยสารโดยใช้บัตรปลาหมึกแตะเครื่องอ่านบัตรที่ทางเข้าหนึ่งทีแล้วเอามือดันเหล็กเดินเข้าไปเลย เราจะไปยังที่พัก วินเซนต์ ฮิลล์ เกสต์เฮาส์ (Vincent Hill Guesthouse) ที่จองไว้ในย่านจิมซาโจ่ยโดยระหว่างทางต้องเปลี่ยนเป็น MTR สายสีแดงที่สถานี Lai King แล้วมาลงที่สถานี Tsim Sha Tsui ทางออก D1 เดินตามถนนนาธานประมาณ 100 เมตรก็ถึงทางเข้าตึก มิราดอร์ แมนชั่น (Mirador Mansion) ซึ่งเป็นที่ตั้งที่พักของเราครับ ดูรีวิวได้ที่นี่

กระเช้านองปิง 360

พอเก็บกระเป๋าพักเหนื่อยสักครู่ก็เริ่มรู้สึกหิวซะแล้ว ว่าแล้วก็จัดแจงอาบน้ำล้างหน้าล้างตัวกันสักหน่อยให้สดชื่นพร้อมออกลุยกันต่อ ก่อนออกจากห้องก็เอาขวดน้ำดื่มมาเติมน้ำให้เต็มเพื่อความประหยัด จากนี้ที่แรกที่จะไปก็ต้องไปหาวาฟเฟิลบอล (Waffle Balls) ทานชื่อดังในจิมซาโจ่ยริมถนนนาธาน เป็นร้านเล็กๆอยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก เดินตรงมาเรื่อยๆก็ถึงหาไม่ยาก และสามารถดูตำแหน่งร้านขายวาฟเฟิลบอลจากพิกัดในกูเกิ้ลแมพตามที่ให้ไว้นี้ได้ครับ

วาฟเฟิลบอล

เนื่องจากเราจะต้องรีบไปจองที่ก่อนเพื่อจะดู อะ ซิมโฟนี่ ออฟ ไลท์ และตอนนี้ก็เป็นเวลาประมาณห้าโมงเย็นกว่าๆแล้ว เราจึงตัดสินใจยกเลิกรายการเที่ยวชมอะเวนิว ออฟ สตาร์ และเดินหาร้านอาหารเพื่อทานข้าวเย็นกันก่อน เราได้ร้านที่อยู่บริเวณใกล้ๆกันเพราะไม่ต้องเสียเวลาเดินหาร้านให้เมื่อย อาหารร้านนี้ในชุดก็มีข้าวสวย, กับข้าวเป็นไก่, ขนมหวาน และยังมีน้ำมะม่วงปั่นอีกหนึ่งแก้วราคาไม่แพงดีครับ


ทานเสร็จก็เดินย้อนกลับเพื่อไปชมความงามของอ่าววิคตอเรีย (Victoria Harbour) ยามเย็นก่อนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า โชคดีที่เรายกเลิกเที่ยวชม อะเวนิว ออฟ สตาร์ เพราะเขาปิดซ่อมแซมพอดี เราเดินไปจองที่นั่งเพื่อรอชมการแสดง อะ ซิมโฟนี่ ออฟ ไลท์ ที่จะเริ่มในเวลา 20.00 น. ผมมีตำแหน่งบริเวณที่ยืนชมการแสดงตามพิกัดในแผนที่กูเกิ้ลแมพมาให้ดูด้วยครับ ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆกับท่าเทียบเรือสำเภา Dukling บรรยากาศระหว่างการแสดง อะ ซิมโฟนี่ ออฟ ไลท์ และการถ่ายรูปเกาะฮ่องกงตรงจุดนี้ก็จะเห็นสัญลักษณ์สำคัญๆของเมืองฮ่องกง เช่น Bank of China Tower, Hong Kong Convention and Exhibition Centre, The Hong Kong Observation Wheel, และอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องถ่ายรูปมาด้วยคือเรือสำเภา Dukling สีแดงสุดคลาสสิก  การแสดงแสงสีนี้ใช้เวลาไม่นานประมาณ 15 นาทีเท่านั้น ชมเสร็จแล้วก็เดินกลับถึงที่พักประมาณสามทุ่ม

อ่าววิคตอเรีย
การแสดง อะ ซิมโฟนี่ ออฟ ไลท์


สรุปค่าเดินทางต่อคนวันนี้
Bus = 3.5 HKD
MTR = 16.9 HKD
รวม 20.4 HKD

โปรดติดตามรีวิวตอนต่อไป ตอนที่ 3
ย้อนกลับไปรีวิวตอนที่แล้ว  ตอนที่ 1

แสดงความคิดเห็น

0ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น (0)