รีวิวแนะนำท่องเที่ยว ไปมาเก๊า 4 วัน 3 คืนด้วยตัวเองไม่ง้อทัวร์ (Macau Trip Season 1) [Episode 2/4]

0
เช้าวันที่สองเราตื่นนอนกันตั้งแต่ตี 5 แล้วทำไมเราถึงต้องลุกกันตั้งแต่เช้ามืดเช่นนี้? จะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ไหนกันเหรอ? เปล่าหรอกครับภรรยาและผมมีโปรแกรมไปถ่ายรูปคู่สุดหวานชื่นที่ ซากประตูโบสถ์ เซนต์ ปอล กันและเราอยากถ่ายรูปคู่ที่ไม่มีคนอื่นเข้ามาเป็นก้างขวางคอในภาพของเราเท่านั้นเอง เราจึงต้องรีบไปก่อนไก่โห่และนักท่องเที่ยวคนอื่นๆจะแห่กันไปครับ

เราเดินออกจากที่พักก่อน 6 โมงเช้าเพื่อไปยัง ซากประตูโบสถ์ เซนต์ ปอล ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักเราประมาณ 500 เมตรหรือใช้เวลาเดินเท้าสบายๆเพียง 6-7 นาทีเท่านั้น มีอุปสรรคอย่างเดียวคืออากาศเริ่มหนาวเย็น แม้ว่าอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 16-17 องศาเซลเซียสแต่มีลมพัดอยู่ตลอดเวลาทำให้รู้สึกหนาวเย็นยิ่งขึ้น



ระหว่างที่เรารอพระอาทิตย์ขึ้นเพื่อให้มีแสงเพียงพอที่จะถ่ายรูป ปรากฏว่าประมาณเวลา 6:30 น. ก็มีคณะทัวร์จีนกลุ่มใหญ่มีลูกทัวร์ไม่ต่ำกว่า 15 คนเดินมายืนถ่ายรูปกันที่ด้านหน้า ซากประตูโบสถ์ ถัดจากนั้นอีกประมาณไม่เกิน 10 นาทีก็มีคณะทัวร์จีนกลุ่มอื่นๆตามกันเข้ามาไม่ขาดสายยืนถ่ายรูปกันจนเต็มพื้นที่ ภรรยาและผมก็เลยเดินออกไปถ่ายรูปด้านข้างแทนแต่ก็ยังเห็นคนในภาพอยู่ดี เราอยู่ถ่ายรูปสักพักไม่นานก็เลยชวนกันกลับโรงแรมที่พักดีกว่า 

ระหว่างทางเดินกลับที่พักเราแวะถ่ายรูปคู่กับ รูปปั้นหญิงสาวชาวจีนยื่นดอกบัวให้กับชายหนุ่มชาวโปรตุเกส (Friendship between Portugal and China) ที่ จัตุรัส คอมปะนี ออฟ จีซัส (Company of Jesus Square) กันสักหน่อย ตึกอาคารเก่าๆบริเวณรอบๆจัตุรัสแห่งนี้ส่วนใหญ่สร้างขึ้นระหว่างปี 1920 ถึง 1930



เราออกจากโรงแรมที่พักอีกทีประมาณ 8 โมงเช้าเพื่อเดินไปเที่ยวชมและถ่ายรูปกันที่ Rua da Felicidade (Happiness Street) ห่างจากโรงแรมที่พักประมาณ 600 เมตร ที่นี่เป็นย่านบันเทิงเริงรมย์ของชาวมาเก๊าเมื่อ 300 ปีที่แล้ว ตัวอาคารได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้เป็นแบบเก่าโบราณทาสีด้วยสีแดงอันสดใสเหมาะแก่การถ่ายรูปยิ่งนัก

เดินเล่นไม่นานก็เริ่มหิวข้าวแล้วเพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย เราเดินมาเจอร้านบะหมี่ที่อยู่ในตรอกใกล้ๆแถวนั้นดูสะอาดน่าทานดีและคนก็เยอะด้วย รายการที่สั่งก็มี บะหมี่เกี๊ยวกุ้งน้ำ ข้าวซอยไก่ใส่ปาท่องโก๋ กาแฟ และปาท่องโก๋ ทั้งหมดราคา 90 MOP อิ่มและอร่อยด้วยโดยเฉพาะเกี๊ยว

ทานเสร็จก็เดินไปซื้อขนมต่อที่ร้าน Anak Philippine Bread เป็นร้านเบเกอรี่ที่ไม่ใหญ่เป็นธุรกิจขนาดครอบครัว เคยเห็นคนรีวิวเอาไว้ก็เลยลองมาทานดู โดยส่วนตัวผมให้คะแนนความอร่อย 3 เต็ม 5 สำหรับขนมก้อนกลมเล็กที่ไม่มีไส้

เราเดินย้อนกลับไปเที่ยวเล่นที่ย่าน จัตุรัส เซนาโด (Senado Square) หรือผู้คนในท้องถิ่นรู้จักกันดีในชื่อ ซันหมาโหล่ ที่นี่เป็นศูนย์กลางของมาเก๊ามาตั้งแต่เริ่มแรก บนพื้นของจัตุรัสมีการปูด้วยหินสีดำและขาวให้เป็นลวดลายเหมือนคลื่นน้ำ เราเริ่มเดินจากลานกว้างที่มีบ่อน้ำพุอยู่ตรงกลางไปตามเส้นทางที่มุ่งหน้าไปทาง ซากประตูโบสถ์ เซนต์ ปอล

ระหว่างทางเราแวะที่ จัตุรัส เซนต์ โดมินิค (St. Dominic's Square) รอบๆจัตุรัสมีที่นั่งพักผ่อน ร้านค้าขายอาหาร ขนม เสื้อผ้า และเครื่องสำอางมากมาย ที่จัตุรัสนี้ยังเป็นที่ตั้งของ โบสถ์ เซนต์ โดมินิค (St. Dominic's Church) ซึ่งเป็นโบสถ์แห่งแรกที่สร้างขึ้นในประเทศจีนในปี 1587 การออกแบบโบสถ์ทั้งภายนอกและภายในค่อนข้างหรูหรา สวยงามอลังการมาก เราสามารถเข้าไปแสดงความเคารพศรัทธาและอธิษฐานข้างในโบสถ์ได้ครับ

ออกมาจากโบสถ์เราเดินแวะชิมอาหารตามรายทางไปเรื่อยๆไม่ว่าจะเป็นหมูแผ่นและขนมต่างๆจนมาถึง ตรอกแห่งความรัก (Travessa da Paixão) บางทีก็เรียกว่า Love Lane หรือ Romantic Lane ตรอกนี้มีระยะทางสั้นๆประมาณเพียง 50 เมตรเท่านั้น ตั้งอยู่ด้านข้างของ ซากประตูโบสถ์ เซนต์ ปอล ตรอกเล็กๆแห่งนี้ไม่ได้แตกต่างจากตรอกอื่นๆบนคาบสมุทรมาเก๊าสักเท่าไหร่ แต่มีความพิเศษที่ชื่อของมันต่างหาก คำว่า Paixão ในภาษาโปรตุเกสมีความหมายว่า ความหลงใหล ความชอบ ความพอใจ หรือความรัก แม้ว่ามันจะอยู่ติดกับ ซากประตูโบสถ์ เซนต์ ปอล ที่มีผู้คนแห่มาชมกันอย่างหนาแน่นอยู่แทบตลอดเวลา แต่ว่าตรอกแห่งความรักนี้กลับเป็นที่เงียบสงบและไม่ได้เป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนเลย จึงเหมาะเป็นสถานที่ๆคู่รักจะมานัดพบกัน

จากตรอกแห่งความรักเราเดินต่อไปยัง กำแพงเมืองโบราณมาเก๊า (Old City Walls of Macau) ซึ่งก็อยู่ติดกันกับ ซากประตูโบสถ์ เซนต์ ปอล กำแพงที่นี่เป็นบางส่วนของกำแพงเมืองที่แสดงให้เห็นว่าชาวโปรตุเกสได้สร้างกำแพงรอบมาเก๊ามาตั้งแต่ปี 1596 และข้างกำแพงยังมี วัดนาชา (Na Tcha Temple) ซึ่งเป็นวัดจีนแบบดั้งเดิมขนาดเล็กที่มีความเชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อยุติภัยพิบัติที่ทำให้ภูมิภาคนี้เสียหายในช่วงเวลานั้น

ใช้เวลาเดินชมไม่นานเราก็เดินไปถ่ายรูปที่ ซากประตูโบสถ์ เซนต์ ปอล (Ruins of St. Paul's) ด้านหน้าที่เราเห็นเป็นซากหรือส่วนที่เหลือของ โบสถ์ มาแตร์เดอิ (Mater Dei) ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1602-1640 และเคยเป็นส่วนหนึ่งของ วิทยาลัย เซนต์ ปอล (St. Paul's College) ต่อมาในปี 1835 ได้เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่เผาทำลายทั้งวิทยาลัยและโบสถ์จนเหลือเพียงแต่ บันไดหน้า ฐาน และส่วนหน้าประตูของโบสถ์ที่ทำจากหินเท่านั้น

เราไปกันต่อยัง ป้อมปราการ เมาท์ ฟอร์เทรส (Mount Fortress or Monte Forte) ที่อยู่บนเนินเขา เมาท์ ใกล้ๆกัน แต่เดิมบนเนินเขานี้ใช้เป็นที่บวงสรวงบูชา แต่ชาวโปรตุเกสได้ปรับเปลี่ยนให้เป็นป้อมปราการ สำหรับท่านที่จะขึ้นบนเขาสามารถขึ้นและลงได้ 2 วิธีคือ เดินขึ้นลงบันไดปรกติ หรือ ขึ้นลงบันไดเลื่อน ที่ด้านบนป้อมปราการนี้เราสามารถเดินชมวิวทิวทัศน์เมืองมาเก๊าได้รอบทั้ง 4 ทิศทางหรือ 360 องศา และถ่ายรูปคู่กับปืนใหญ่สมัยโบราณ (Ancient Cannons) ที่มีอยู่หลายกระบอก โดยเฉพาะปืนใหญ่กระบอกหนึ่งที่ปลายกระบอกปืนพุ่งตรงไปยังด้านหลังของคาสิโน Grand Lisboa พอดิบพอดีเลย ก็ไม่แน่ใจว่าคาสิโน Grand Lisboa มีการแก้ฮวงจุ้ยด้านหลังนี้อย่างไรใครรู้ช่วยบอกด้วยครับ

เราลงมาจาก ป้อมปราการ เมาท์ แล้วเดินย้อนกลับไปตามทางเดินที่มีร้านค้าขายของเพื่อหาของทาน เราแวะซื้อเบอร์เกอร์หมู 2 อันราคา 60 MOP และทาร์ตไข่ 2 ชิ้นราคา 10 MOP ทานเสร็จเราก็ไปเที่ยวต่อกันที่ คฤหาสน์ หลู่ เกา (Lou Kau Mansion) คฤหาสน์นี้สร้างให้เป็นที่พักอาศัยของพ่อค้าชาวจีนที่มีชื่อเสียง หลู่ เกา (Lou Kau) และครอบครัวของเขา ตัวอาคารมี 2 ชั้นและมีสถาปัตยกรรมสไตล์ ซีกวน (Xiguan) ในยุคราชวงศ์ชิงตอนปลาย โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมฟรีตั้งแต่เวลา 10:00-18:00 น. ของทุกวัน (ปิดวันจันทร์)

จากคฤหาสน์ หลู่ เกา เราจะไปกันไกลหน่อยที่ริม ทะเลสาบ ไซวาน (Sai Van Lake) ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณ 1.5 กิโลเมตร แต่คราวนี้เราจะไม่เดินเพราะตั้งแต่เช้าเราเดินกันมามากพอแล้ว เราจะลองใช้บริการรถเมล์ที่มาเก๊ากันสักหน่อย การจ่ายค่าโดยสารรถเมล์มีอยู่ 2 วิธีคือ ใช้บัตรเติมเงินแตะไปที่เครื่องอ่านบัตรที่ประตูทางขึ้นข้างคนขับ หรืออีกวิธีใช้เงินสดจะเป็นเหรียญหรือธนบัตรก็ได้ (ไม่มีการทอนเงิน) ใส่ลงไปในกล่องเหล็กที่ประตูทางขึ้นข้างคนขับเช่นกัน

เราเดินไปขึ้นรถเมล์สาย 9 ที่ป้าย R.CAMPO/EDF.ADMIN.PUBLICA นั่งไป 5 ป้ายแล้วลงที่ป้าย AV.REPUBLICA/LAGO ค่าโดยสารคนละ 3.2 MOP สามารถรวมจ่ายทีเดียว 6.4 MOP สำหรับ 2 คนได้เลย สายรถเมล์ให้ดูที่ด้านหน้ารถและการขึ้นลงรถเมล์ก็เหมือนกันกับที่ฮ่องกง คือขึ้นที่ประตูหน้าและลงที่ประตูหลัง (ประตูหลังจะอยู่ตรงกลางตัวรถ) เราอยู่ชมวิวทะเลสาบไซวานยามเย็นพร้อมกับถ่ายภาพวิวหอคอยมาเก๊าจนถึงเวลาประมาณ 18:30 น. ก็ได้เวลากลับไปหาอาหารมื้อเย็นทานกัน




ขากลับเราขึ้นรถเมล์สาย 28B (หรือสาย 16 ก็ได้) ที่ป้าย AV.REPUBLICA นั่งไป 3 ป้ายแล้วลงที่ป้าย PRAIA GRANDE/SI TOI ค่าโดยสารคนละ 3.2 MOP มื้อเย็นเราไปทานอาหารกันที่ร้านเดิมที่ทานวันแรก เฉินกวงกี่ เพราะอยู่ใกล้กับป้ายรถเมล์ที่เราเพิ่งลงมา แต่คราวนี้เราเปลี่ยนมาสั่งเมนูเนื้อตุ๋นกับข้าว (Beef with Rice) ราคา 38 MOP, ไก่กับข้าว (Chicken with rice) ราคา 36 MOP และผักกาดแก้วชามเล็ก (Vegetable) ราคา 25 MOP อาหารชุดที่สั่งวันนี้อร่อยดีครับ


อิ่มท้องแล้วก็ไปลุยเที่ยวกันต่อที่ Galaxy Macau ซึ่งอยู่ที่เกาะไทปา ภรรยาและผมเดินไปขึ้นรถฟรีชัทเทิลบัสของคาสิโน Galaxy ที่จอดรับส่งอยู่ที่ Star World (ภรรยาผมน่ารักมากเธอเรียกว่า สตาร์วอร์ส) ใกล้ๆกับ Wynn Macau ที่เรามานั่งดูการแสดงน้ำพุเต้นระบำเมื่อวานนี้ โดยที่รถฟรีชัทเทิลบัสให้บริการในช่วงเวลา 10:00-23:45 น. ค่ำมืดอย่างนี้ผู้โดยสารบนรถไม่ค่อยมีเลยนั่งกันสบายๆไปเลย
นั่งมาประมาณ 10 กว่านาทีก็มาถึง Galaxy Macau ภายนอกใหญ่อลังการมาก รถชัทเทิลบัสจอดรับส่งที่ประตูหมายเลข 7 The Promenade Entrance (คลิกดูตามแผนที่ด้านล่าง) ภายในตามทางเดินจะเหมือนเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เลย ตลอดสองข้างทางเป็นร้านค้าแบรนด์เนมดังระดับโลกทั้งนั้น เส้นทางเดินจะเป็นวงกลมเดินรอบคาสิโนที่อยู่ตรงกลาง โดยมีทางเข้าเป็นระยะๆดึงดูดให้เราได้หลงเข้าไปง่ายๆ
เราเข้ามาแล้วเดินวนทวนเข็มนาฬิกาไปเรื่อยๆผ่าน Pearl Lobby ต่อด้วย Crystal Lobby จนมาถึง Diamond Lobby ก็เจอกับการแสดงแสง สี เสียง Fortune Diamond Show เพชรเม็ดใหญ่ยักษ์ขึ้นลงบนน้ำพุสุดอลังการงานสร้างจริงๆ การแสดงแต่ละรอบใช้เวลาประมาณเพียง 5 นาทีแต่เป็นห้านาทีที่คุ้มค่าเพราะดูฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
ดูโชว์จบก็เป็นเวลาประมาณ 21:15 น. เราก็ไปต่อกันที่ City of Dreams โดยรีบเดินไปขึ้นรถฟรีชัทเทิลบัสสาย Cotai Connection ให้ทันเที่ยวสุดท้ายซึ่งให้บริการในช่วงเวลา 11:30-21:30 น. ที่จุดรับส่งเดิม The Promenade Entrance โดยที่รถบัสสายนี้จะวิ่งวนรับส่งนักท่องเที่ยวตามคาสิโน 5 แห่งในย่านโคไท (Cotai) คือ Galaxy Macau, Studio City Macau, Sands Cotai, City of Dreams และ The Venetian Macao

เรามาถึง City of Dreams เดินงงๆอยู่สักพัก ภรรยาและผมก็คุยกันว่ากลับดีกว่าเพราะว่าตอนนี้เราเมื่อยล้ามากเดินแทบไม่ไหวแล้ว คาสิโนที่นี่แต่ละแห่งใหญ่มากถ้าจะเดินให้รอบต้องเดินเป็นกิโลฯเลยทีเดียว อีกทั้งพรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปถ่ายรูปคู่ที่ ซากประตูโบสถ์ เซนต์ ปอล ให้ได้ก่อนที่คณะทัวร์จีนจะมาเหมือนกับเช้าวันนี้ เพื่อความรวดเร็วเราจึงตัดสินใจนั่งรถแท็กซี่กลับโรงแรมที่พัก เนื่องจากภรรยาและผมพูดภาษาจีนไม่ได้จึงได้ยื่นนามบัตรของโรงแรมที่หยิบติดตัวมาก่อนออกจากโรงแรมให้กับคนขับรถแท็กซี่ดู เพียงเท่านี้เราก็มาถึงโรงแรมอย่างรวดเร็วและพักผ่อนกันตามอัธยาศัย 

สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้
ค่าอาหาร             249  MOP
ค่าขนม                  61  MOP
ค่ารถเมล์             12.8 MOP
ค่ารถแท็กซี่            80  MOP
รวม                 402.80  MOP


โปรดติดตามรีวิวตอนต่อไป   3/4, 4/4
ย้อนกลับไปรีวิวตอนที่แล้ว   1/4

แสดงความคิดเห็น

0ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น (0)