รีวิวแนะนำท่องเที่ยว ไปมาเก๊า 4 วัน 3 คืนด้วยตัวเองไม่ง้อทัวร์ (Macau Trip Season 1) [Episode 4/4]

เราตั้งใจว่าวันสุดท้ายนี้เราจะไปถ่ายรูปกันที่ซากประตูโบสถ์ เซนต์ ปอล อีกครั้งก่อนกลับประเทศไทย เราจึงต้องตื่นนอนกันประมาณตี 5 กว่าๆเพื่อออกไปถ่ายรูปในชุดสุดท้าย วันนี้เรารู้สึกว่าอากาศหนาวมากกว่าวันก่อนแม้ว่าอุณหภูมิยังอยู่ที่ประมาณ 16-17 องศาเซลเซียสก็ตามแต่กลับมีลมพัดแรงอยู่ตลอดเวลา ส่วนคณะทัวร์จีนวันนี้ก็ยังคงมาตามกำหนดเวลาเช่นเดิม ฉะนั้นท่านที่ต้องการจะมาถ่ายรูปแบบเดียวกับเราก็ต้องมาก่อนเวลา 6:30 น.

เราถ่ายรูปกันพักใหญ่ก็เริ่มหิวข้าวแล้ว ภรรยาผมเธอติดใจร้านเดิมที่ทานวันแรกและวันที่สอง เฉินกวงกี่ จึงอยากจะไปทานอีกสักครั้งก่อนกลับ จากซากประตูโบสถ์ เซนต์ ปอล เดินไปที่ร้านระยะทางประมาณ 600 เมตรเท่านั้น วันนี้เราสั่งรายการอาหาร ข้าวหน้าเป็ด (Black Pepper Roasted Duck with Rice) ราคา 36 MOP, ข้าวหน้าห่าน (Black Pepper Roasted Goose with Rice) ราคา 70 MOP และผักกาดแก้วชามใหญ่ (Vegetable) ราคา 35 MOP ราคารวม 141 MOP เราหาเหรียญไม่เจอเขาเลยลดให้เหลือ 140 MOP และวันนี้ถ่ายภาพเมนูมาให้ดูด้วย

ทานมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยเราก็เดินแวะซื้อขนมทาร์ตไข่ 2 ชิ้นราคา 16 MOP และชาเย็น 15 MOP ที่ร้าน Miyazaki Bakery Shop ใกล้ๆกัน ผมว่าทาร์ตไข่ร้านนี้อร่อยกว่าที่ขายในย่านจัตุรัส เซนาโด ซะอีก จากนั้นเราก็เดินไปเที่ยวถ่ายรูปกันที่ จัตุรัส มหาวิหาร (Cathedral Square) ที่นี่มี อาคารมหาวิหาร (Cathedral) และอาคารอื่นๆรอบจัตุรัส ซึ่งถือเป็นอนุสรณ์สถานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของมาเก๊าอีกแห่งหนึ่ง

เรากลับไปยังโรงแรมเก็บกระเป๋าเดินทางและสัมภาระ ทำการเช็คเอาท์และออกจากโรงแรมประมาณ 10:00 น. เพื่อเดินทางไปยัง Macau Ferry โดยขึ้นรถเมล์สาย 12 ที่ป้าย  R.CAMPO/EDF.ADMIN.PUBLICA นั่งไป 9 ป้ายแล้วลงที่ป้าย TERMINAL MARITIMO ค่าโดยสารคนละ 3.2 MOP จากนั้นก็เดินลอดใต้ถนนไปขึ้นรถฟรีชัทเทิลบัสของคาสิโน The Venetian Macao ซึ่งรถบัสให้บริการในช่วงเวลา 09:00-00:00 น. เพื่อไปลงที่คาสิโน The Venetian Macao รถบัสจะมาจอดที่ลานจอดรถฝั่ง Hotel West Lobby

ลงจากรถบัสแล้วเราจะไปเที่ยวกันที่หมู่บ้านเก่าไทปา แต่ก่อนไปเราเข้าไปใน Hotel West Lobby แล้วทำการฝากกระเป๋าเดินทางที่เคาน์เตอร์บริการกระเป๋า (Baggag Service) กันก่อน ค่าบริการรับฝากกระเป๋าใบละ 10 MOP ภรรยาและผมฝากกันคนละใบก็ราคา 20 MOP แล้วเราก็แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าตอนรับกระเป๋าเราจะไปรับที่ Hotel Main Lobby เจ้าหน้าที่เขาก็จะจัดการเคลื่อนย้ายกระเป๋าของเราไปตามที่เราได้แจ้งเอาไว้ สำหรับนักท่องเที่ยวท่านใดที่พักอยู่ในโรงแรมนี้สามารถฝากกระเป๋าได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

ตอนนี้เบาตัวแล้วไปเที่ยวกันต่อได้เลย เราเดินออกประตูมาที่ลานจอดรถบัสที่เราเพิ่งเข้ามา แล้วเดินเลาะทางขวามาที่ถนนใหญ่ ข้ามสะพานลอยที่มีบันไดเลื่อนขึ้น พอลงจากสะพานลอยให้เดินไปทางขวามือจะเห็นทางเดินเลื่อนยาวๆ ซึ่งเป็นทางที่ไป หมู่บ้านเก่าไทปา (Taipa Old Village) ที่เราจะไปเที่ยวกัน

พอถึงหมู่บ้านไทปาเราจะเดินไปเที่ยวที่ โบสถ์ พระแม่ คาร์เมล (Our Lady of Carmel Church) ที่อยู่ใกล้ๆกันก่อน เดินตามป้ายบอกทางไปโบสถ์เรื่อยๆเดี๋ยวก็ถึง โบสถ์นี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1875 และเป็นโบสถ์คาทอลิกเพียงแห่งเดียวที่อยู่บนเกาะไทปา ซึ่งยังคงความสวยและสง่างามไว้จนถึงปัจจุบัน

เราเดินต่ออีกนิดเพื่อไปชม พิพิธภัณฑ์ บ้าน ไทปา (The Taipa Houses Museum) ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มอาคารสีเขียวตัดขอบขาวจำนวน 5 หลัง มีสถาปัตยกรรมสวยคลาสสิกแบบแมกานีสผสมผสานโปรตุกีส บ้านเหล่านี้เคยเป็นที่พำนักของบรรดาชนชั้นสูงของชาวมาเก๊า และปัจจุบันบ้านแต่ละหลังมีการจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมกันดังนี้ Macanese Living Museum จัดแสดงการตกแต่งภายในบ้านรวมถึงข้าวของเครื่องใช้ของชาวมาเก๊าและโปรตุเกส, Exhibitions Gallery จัดแสดงนิทรรศการทางศิลปะและภาพถ่าย, Creative Casa แสดงสินค้าครีเอทีฟ, Nostalgic House จัดแสดงภาพวิถีชีวิตในอดีตที่น่าสนใจ, และหลังสุดท้าย House of Reception เป็นบ้านรับรองซึ่งเป็นหลังเดียวที่ไม่ได้เปิดให้เข้าชม

Macanese Living Museum

Exhibitions Gallery

Creative Casa

Nostalgic House

House of Reception

บรรยากาศตอนนี้ดีมากเลยอากาศเย็นสบายเดินเล่นไปนั่งเล่นพักผ่อนไปแถมมีห้องน้ำให้เข้าด้วยอยู่ที่ด้านหลัง ตอนนี้ก็เลยเวลาเที่ยงและเราก็เริ่มหิวข้าวกันแล้ว เราจะไปหาของทานกันที่แถวๆถนนสายอาหารในหมู่บ้าน โดยเดินผ่านและแวะถ่ายรูปกันก่อนที่บันไดทางเดิน Calcada do Carmo

เราเดินเข้าไปในชุมชนที่เก่าแก่ขนาดเล็กของเกาะไทปา ภายในหมู่บ้านจะมีตรอกซอกซอยย่อยๆเป็นจำนวนมากนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้ เราพบกับศาลาที่ตัวหลังคาเป็นสไตล์จีน แต่เสาคอนกรีตทุกต้นกลับเป็นสไตล์คลาสสิกแบบกรีกโรมัน ภรรยาผมหันไปเห็นหญิงชราชาวจีนกำลังเดินลงบันไดอย่างยากลำบาก เธอก็เลยรีบกลิ้ง(วิ่ง)เข้าไปช่วยพยุงทันทีเพราะเธอชอบคนแก่ ท่านใดอยากได้คนดูแลคนแก่สามารถติดต่อมาได้นะครับ ถัดมาซอยที่อยู่ข้างกันก็จะพบถนนสายอาหาร (Rua do Cunha) แม้จะเป็นเพียงถนนสายสั้นๆ แต่กลับเต็มไปด้วยร้านอาหารและร้านขนมนานาชนิดพร้อมกับนักท่องเที่ยวที่เดินกันขวักไขว่ซื้อของกันอย่างคึกคัก

เราเดินไปเดินมาหาร้านทานข้าวอยู่พักหนึ่งก็มาได้ที่ร้าน Comidas Mediterrane อยู่สุดถนน Rua de Horta e Sousa เมนูในร้านมีแต่ภาษาจีนอ่านไม่ออกแต่ยังดีที่มีรูปภาพอาหารให้ชี้ได้ รายการอาหารที่สั่งก็มี ข้าวหมูทอดแกงกะหรี่ ราคา 30 MOP และข้าวผัดขาหมูลมควัน ราคา 58 MOP ทานกันอิ่มไปเลย

ได้เวลาออกจากหมู่บ้านเก่าไทปาเพื่อกลับไปยัง The Venetian Macao เราเดินกลับทางเดิมและเข้าประตูฝั่ง Hotel West Lobby ที่นี่มีโรงแรมหรูชื่อดังระดับ 5 ดาวของมาเก๊าคือ The Venetian Macao Resort ซึ่งมีห้องพักกว่า 3,000 ห้อง ข้างในกว้างขวางและมีความหรูหรามาก เราเดินหลงและใช้เวลาในการเดินออกไปยังฝั่งถนน Estr. do Istmo อยู่นาน พอออกมาได้ก็ถ่ายรูปคู่กับอาคารภายนอกที่มีแสงไฟประดับประดาอย่างสวยงาม และเดินไปชมหอไอเฟลจำลองที่ The Parisian Macao ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน

กลับเข้ามาใน The Venetian Macao ที่ประตูทางเข้า Hotel Main Lobby พบกับห้องโถงขนาดใหญ่อลังการตกแต่งด้วยภาพวาดศิลปะอันงดงาม เราเดินต่อไปเที่ยวชม ศูนย์การค้า The Grand Canal Shoppes ที่จำลองและถอดแบบบรรยากาศมาจากคลองเวนิสในอิตาลี ในนี้มีร้านค้าและสินค้าให้เลือกช้อปกันได้หลากหลาย และยังมีเรือกอนโดล่าล่องไปตามคลองพร้อมกับท้องฟ้าเสมือนจริงคอยให้บริการนักท่องเที่ยว(ไม่ฟรี)อีกด้วย

ได้เวลาที่เราต้องเดินทางไปสนามบินกันแล้ว เราไปรับกระเป๋าเดินทางที่ฝากเอาไว้ที่ Hotel Main Lobby จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถฟรีชัทเทิลบัสของ The Venetian Macao ที่อยู่ตรงประตูทางออกใกล้ๆกัน นั่งไปลงที่สนามบินโดยใช้เวลาเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น รถบัสจอดที่ลานจอดรถที่เดิมที่เราขึ้นในวันแรก เข้าอาคารมาขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นผู้โดยสารขาออก (Departures) ตรวจสอบที่ป้ายเช็คอินว่าเราต้องเช็คอินที่เคาน์เตอร์ช่องไหน เมื่อเช็คอินเสร็จเรียบร้อยก็เดินเข้าไปรอขึ้นเครื่องบินที่เกตโดยผ่านด่านตรวจสิ่งของต้องห้ามก่อนเดินทาง และขึ้นเครื่องบิน 22:40 น.ใช้เวลาเดินทางถึงสนามบินดอนเมือง 2 ชั่งโมง 50 นาทีอย่างปลอดภัย

สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้
ค่าอาหาร            228  MOP
ค่าขนม                 31  MOP
ค่ารถเมล์             6.4  MOP
ค่าฝากกระเป๋า     20  MOP
รวม                 285.4  MOP
สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริป 4 วัน 3 คืน
ค่าอาหาร     120+249+293+228      =   890  MOP                         =   3,657.90 บาท
ค่าขนม         61+20+31                    =   112  MOP                         =     460.32  บาท
ค่ารถเมล์     12.8+19.2+6.4              =  38.4  MOP                         =     157.82  บาท
ค่ารถแท็กซี่                                       =     80  MOP                         =     328.80  บาท
ค่าฝากกระเป๋าเดินทาง 2 ใบ            =     20  MOP                         =       82.20  บาท
ค่าโรงแรม                                                                                       =  6,649.67  บาท
ค่าธรรมเนียมภาษีสนามบิน (Airport Tax and Fees)                       =  2,740.00  บาท
ค่าตรวจคัดกรองบุคคล (Advance Passenger Processing Service) =     140.00  บาท
ค่าน้ำหนักกระเป๋าเดินทางไปกลับ 20 กิโลกรัม                               =   1,280.00  บาท
ค่าธรรมเนียมหักบัตรเดบิต                                                             =       40.00  บาท
รวมทั้งหมด (ไม่รวมค่าเดินทางในประเทศไทย)                             =  15,536.71 บาท
*อัตราแลกเปลี่ยน 1 MOP = 4.11 บาท

ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านริวิวมาเก๊านี้ สวัสดีครับ ^_^


รีวิวตอนที่แล้ว  1/4, 2/4, 3/4