เรากลับมาคึกคักกันอีกครั้งเช้านี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการมาทัวร์โอซาก้าครั้งแรก
หลังจากที่เมื่อวานเราเดินกันค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะในบริเวณปราสาทโอซาก้าที่มีพื้นที่ครอบคลุมกว้างถึง
60,000 ตารางเมตร แต่ก็ได้กลับมานอนพักผ่อนกันอย่างเต็มที่แล้ว
และที่สำคัญภรรยาผมเธอได้รองเท้าใหม่ไปหนึ่งคู่
เดินยิ้มหน้าบานไม่หุบเลยผมไม่ได้โม้เดี๋ยวมีภาพมายืนยันครับ
สำหรับวันนี้จะไปที่ไหนบ้างเชิญติดตามชมกันต่อเลยครับ
เราออกจากห้องพักทำการเช็คเอาท์โรงแรมในตอนเช้าเลย และขอฝากกระเป๋าเดินทางและสัมภาระต่างๆเอาไว้กับทางโรงแรม ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการของโรงแรมนี้และไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วยผมชอบมากเลย จากนั้นเราก็ไปซื่ออาหารเช้าที่ร้านสะดวกซื้อ FamilyMart ข้างโรงแรม และกลับมาทานที่ห้อง Common room ของโรงแรมเหมือนเดิม
ทานอาหารเช้าเสร็จเราเริ่มโปรแกรมท่องเที่ยววันนี้ที่ หอคอย ซึเทงคะคุ (Tsutenkaku Tower) โดยเดินมาข้ามถนนที่ทางม้าลายใกล้ๆโรงแรมแล้วเดินตรงผ่าน ย่านการค้า จังจัง (Janjan Yokocho) ไปเรื่อยๆก็จะเห็นหอคอย ซึเทงคะคุ ระยะทางจากโรงแรมถึงหอคอยแค่ 600 เมตรเอง ในช่วงเช้าระหว่างทางเดินคนไม่เยอะเราก็เลยแวะถ่ายรูปกันมาตลอดทาง
เดินเล่นเผลอแพลบเดียวก็มาถึงหอคอย ซึเทงคะคุ ที่ใต้หอคอยจะมีทางลงไปชั้นใต้ดิน 1 ชั้น มีร้านค้าขายของและเป็นทางเข้าลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวที่อยู่บนหอคอย ก่อนขึ้นลิฟท์จะต้องซื้อตั๋วเข้าชมที่จุดขายตั๋ว (Ticket booth) ใกล้กับลิฟท์ โดยมีค่าบัตรผ่านประตูปรกติคนละ 700 Yen แต่สำหรับผู้ที่ถือบัตรโอซาก้าอะเมซิ่งพาส (OAP) เหมือนเราสามารถเข้าฟรี โดยยื่นบัตรให้เจ้าหน้าที่สแกนบาร์โค้ดที่ด้านหลังบัตรได้เลย ช่วงที่เราไปตอนเช้าคนยังไม่เยอะแถวรอเข้าลิฟท์จะสั้นใช้เวลารอแค่ 2 นาที แต่ขากลับเราลงมาที่ชั้นใต้ดินเห็นแถวรอขึ้นลิฟท์ไปบนหอคอยต้องใช้เวลารอเกือบครึ่งชั่วโมง
บนหอคอยมีของขายมากมายโดยเฉพาะของที่ระลึกประจำท้องถิ่นซึ่งก็จะคล้ายๆกับหอคอยที่อื่นๆ ที่จุดชมวิวจะอยู่ภายในอาคารสามารถเดินดูวิวเมืองโอซาก้าแบบพาโนราม่าได้รอบทิศ 360 องศา เราสามารถมองเห็น สวนสัตว์ เทนโนจิ (Osaka Tennoji Zoo) ได้อย่างชัดเจน นอกจากจะได้ชมวิวสวยๆแล้วยังมี ตุ๊กตาเทพเจ้า บิลลิเคน (Billiken) ที่ทำด้วยไม้ให้เราได้ลูปเท้าขอพรและโชคลาภตามความเชื่อของที่นี่อีกด้วย ระหว่างทางลงจากหอคอยเดินผ่านโซน กูลิโกะ (glico) แวะถ่ายรูปท่านิยมสักหน่อย
เราไปช้อปปิ้งต่อที่ย่าน นัมบะ อีกครั้งโดยไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำตาล Sakaisuji Line ที่สถานี EBISUCHO (K18) ไปลงที่สถานี Nippombashi (K17) แล้วเปลี่ยนเป็นสายสีชมพู Sennichimae (S17) ไปลงที่สถานี NAMBA (S16) ออกทางขึ้นลงที่ 19 หรือ 20 ก็ได้เพื่อไปร้าน Jaguar Bag shop ขายกระเป๋า anello และต่อด้วยร้าน ดองกิโฮเต้ สาขา Namba Sennichimae
เมื่อได้สินค้าตามต้องการแล้วเราก็เดินทางไปเที่ยวกันต่อที่บริเวณ Bay Area โดยขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีแดง Midosuji Line ที่สถานี NAMBA (M20) ไปลงที่สถานี HOMMACHI (M18) แล้วเปลี่ยนเป็นสายสีเขียวแก่ Chuo Line (C16) ไปลงที่สถานี OSAKAKO (C11) ออกทางขึ้นลงที่ 2 สำหรับท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้คงพอจะขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินได้แล้ว ผมขอแสดงรูปป้ายสถานีและทิศทางที่จะไปของสายสีเขียวแก่ขณะยืนอยู่ที่ชานชลาในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินให้ดูอีกสักรูป โดยถ่ายที่สถานี HOMMACHI กำลังจะไปสถานี OSAKAKO
จากสถานี OSAKAKO เราเดินมุ่งหน้าไปยัง ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ เท็มโปซาน (Tempozan Giant Ferris Wheel) ที่ตั้งอยู่ติดกับอาคาร Tempozan Market Place ระยะทางจากสถานีรถไฟฟ้าถึงชิงช้าสวรรค์ประมาณ 500 เมตร ชิงช้าสวรรค์ที่นี่เป็นหนึ่งในชิงช้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีความสูงถึง 112.5 เมตรทีเดียว และเพื่อเพิ่มความเสียวไส้จะมีอยู่ 4 กระเช้าที่มีพื้นแบบโปร่งใสมองทะลุได้ แต่ภรรยาและผมไม่ได้ขึ้นเนื่องจากแถวที่จะขึ้นกระเช้าพื้นใสใช้เวลารอนานกว่า เราจึงต่อแถวขึ้นกระเช้าแบบปรกติ ค่าขึ้นชิงช้าสวรรค์คนละ 800 Yen ต่อรอบ สำหรับผู้ที่ถือบัตรโอซาก้าอะเมซิ่งพาส (OAP) สามารถขึ้นได้ฟรีจำนวน 1 รอบซึ่งใช้เวลาประมาณ 15 นาที
เราเล่นชิงช้าสวรรค์ยักษ์เพียงหนึ่งรอบก็ต้องรีบลงและเดินไปที่ท่าเรือที่อยู่ห่างกันเพียง 300 เมตร เพื่อขึ้น เรือ ซานตามาเรีย (Cruise Ship Santa Maria Day Cruise) ให้ทันก่อนเรือออกรอบสุดท้ายเวลา 16:00 น. ค่าโดยสารล่องเรือราคาปรกติคนละ 1,600 Yen แต่สำหรับผู้ที่ถือบัตรโอซาก้าอะเมซิ่งพาส (OAP) สามารถขึ้นเรือได้ฟรีโดยให้เจ้าหน้าที่สแกนบาร์โค้ดเท่านั้น
เรือ ซานตามาเรีย เป็นเรือสำราญให้บริการนำเที่ยวชมวิวรอบท่าเรือโอซาก้า โดยสร้างเลียนแบบตามเรือธง ซานตามาเรีย ของคณะสำรวจ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เพื่อค้นหาโลกใหม่ แต่มีขนาดใหญ่กว่าเป็น 2 เท่าของต้นแบบ นักท่องเที่ยวสามารถใช้มุมมองจากทะเลเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่สวยงามรวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวมากมายในบริเวณอ่าวโอซาก้า
เรามาถึงขึ้นเรือเป็นคู่สุดท้ายพอดีและที่นั่งบนเรือก็ถูกจับจองหมดแล้ว แต่ไม่มีปัญหาเราเดินขึ้นไปยืนที่ด้านหัวเรือเพื่อจะได้ชมวิวและรับลมทะเลอย่างเต็มที่ เรือวิ่งวนในอ่าว 1 รอบใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็กลับมาที่ท่าเรือที่เดิม ที่เห็นแดดแรงๆในภาพนั้นไม่ร้อนเลยครับเพราะอากาศช่วงนั้นอยู่ราวๆ 15 องศาเท่านั้น ช่วงที่เรือวิ่งเต็มที่ลมจะแรงมากยิ่งช่วงใกล้ห้าโมงเย็นอากาศและลมทะเลเย็นมาก ทำให้ อากิ๋ม อาซิ่ม อาม่า ที่นั่งอยู่หัวเรือพากันเดินหลบลงไปที่ชั้นล่างกันหมด ส่วนภรรยาและผมสู้ตายครับ
นั่งเรือสำราญเสร็จแล้วก่อนกลับเราก็ไปทานข้าวแกงกะหรี่สูตรดั้งเดิมอีกสูตรหนึ่งกันสักหน่อยที่ร้าน JIYUKEN ใน Tempozan Market Place สูตรนี้สำหรับคนที่ใจถึงหน่อยครับ เพราะเป็นข้าวคลุกกับแกงกะหรี่และตอกไข่สดวางไว้ด้านบนไม่มีเนื้อสัตว์ไม่มีผัก แต่ผมสั่งแบบที่มี ผักสลัด ทาโกะยากิ และของเสียบไม้ทอดมาด้วยเพราะคิดว่าแบบเดิมๆคงไม่อร่อยเป็นแน่นอน ซึ่งก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆด้วย
เราทานเสร็จและออกจาก Tempozan Market Place ประมาณ 18:00 น. เพื่อกลับไปเอากระเป๋าเดินทางที่ฝากไว้ที่โรงแรม โดยเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีเขียวแก่ Chuo Line (C11) ที่สถานี OSAKAKO (สถานีนี้อยู่บนดิน) นั่งไปลงที่สถานี HOMMACHI (C16) แล้วเปลี่ยนเป็นสายสีแดง Midosuji Line (M18) ไปลงสถานี DOBUTSUEN-MAE (M22) ออกทางขึ้นลงที่ 2 ไปยังโรงแรม
หลังจากรับกระเป๋าเดินทางแล้วเราก็มุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ โดยเดินลากกระเป๋าไปยังสถานีรถไฟฟ้า SHIN-IMAMIYA แล้วขึ้นลิฟท์ของสถานีไปยังชั้นขายตั๋วโดยสารของสาย NANKAI จากนั้นก็ซื้อตั๋วที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติในราคาคนละ 920 Yen สำหรับขึ้นรถไฟฟ้าขบวน Airport Express เมื่อเข้าประตูสถานีแล้วเราก็ขึ้นลิฟท์อีกทีเพื่อไปยังชานชลา
พอเราออกจากลิฟท์ก็เห็นรถไฟฟ้าเข้าจอดเทียบชานชลาพอดี และเหลือบมองไปเห็นด้านข้างเขียนว่า "Airport Line" และ "Local" ด้วยความที่อยากไปสนามบินเร็วๆเลยมีแต่คำว่า Airport อยู่ในหัวเท่านั้น ภรรยาและผมก็เลยรีบวิ่งขึ้นรถไฟฟ้าทันทีโดยที่ไม่ได้เอะใจว่าขบวนนี้ไม่ใช่ Airport Express นั่งมาเรื่อยๆก็แปลกใจว่าทำไมมันถึงจอดสถานีเยอะมาก บางสถานีก็จอดแช่เพื่อให้รถไฟฟ้าขบวนที่เร็วกว่าวิ่งผ่านไปก่อน พอตั้งสติได้ก็รู้แล้วว่าเราขึ้นผิดขบวนซะแล้วดันมาขึ้นขบวนหวานเย็นจนได้ ผมบอกกับภรรยาว่าไม่ต้องตกใจว่าจะไม่ทันเช็คอินที่สนามบิน เพราะผมได้เผื่อเวลาเอาไว้ใช้ในกรณีเช่นนี้แล้ว
เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 80 นาทีซึ่งเสียเวลาไปเกือบเท่าหนึ่ง พอออกจากสถานีรถไฟฟ้าเราก็เดินข้ามทางเชื่อมอาคารมายังชั้น 2 ของอาคารผู้โดยสารที่ 1 ขึ้นลิฟท์ไปยังชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นสำหรับผู้โดยสารขาออกต่างประเทศ ทำการเช็คอินที่เคาน์เตอร์สายการบินหางแดงเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปที่จุดตรวจคนและสิ่งของต้องห้าม จากนั้นเราก็เดินตามป้ายบอกทางไปยังประตูขึ้นเครื่องบินหมายเลข 27 ตามที่ได้ระบุไว้ในตอนเช็คอิน
เนื่องจากประตูขึ้นเครื่องบินอยู่ที่ปีกอาคารด้านทิศใต้ (South Wing) เลยต้องโดยสาร Wing Shuttle จากสถานี Main Terminal (Stop 1) ไปยังสถานี Stop 2 ตามป้ายที่บอกทางไปไว้อย่างชัดเจน ออกจาก Wing Shuttle ก็แค่เดินตามป้ายบอกประตูไปเรื่อยๆก็ถึงครับ เราเดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติคันไซด้วยเที่ยวบิน XJ611 เวลา 23:55 น. ถึงกรุงเทพเวลา 3:50 น. ตามเวลาท้องถิ่น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมงโดยที่ภรรยาและผมหลับกันยาวตลอดทางเลย สำหรับทริปท่องเที่ยวโอซาก้าก็ขอจบเพียงเท่านี้..สวัสดีครับ (อย่าเพิ่งลุกจากที่นั่ง ...ยังมีต่อ)
สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริป 2 คน 5 วัน 4 คืน
ค่าอาหาร+น้ำ 3392[2]+1678[3]+3569[4]+4567[5] = 13,206 Yen = 3,889.17 บาท*
ค่าขนม 8084[2]+730[3]+1355[4]+1858[5] = 12,027 Yen = 3,541.95 บาท*
ค่ารถไฟฟ้า 1600[2]+360[3] = 1,960 Yen = 577.22 บาท*
ค่าโรงแรม 3 คืน จ่ายผ่านอโกด้า (12,063 Yen)[2][3][4] = 3,752.49 บาท
ค่าโดยสารเครื่องบิน = 11,360.00 บาท
ค่าภาษีสนามบิน (Airport Tax) = 3,160.00 บาท
ค่าธรรมเนียมขาเข้า/ออกต่างประเทศไทย (Tha. Intl. Arr./Dep. Fees) = 60.00 บาท
ค่าตรวจคัดกรองบุคคล (Advance Passenger Processing Service) = 140.00 บาท
ค่าน้ำหนักกระเป๋าเดินทางไปกลับ 20 กิโลกรัม = 1,400.00 บาท
ค่าธรรมเนียมหักบัตรเดบิต = 40.00 บาท
ค่าอาหารชุดบนเครื่องบิน = 300.00 บาท
ค่าบัตร USJ 1-Day Studio Pass (7,600 Yen/ใบ) = 4,400.00 บาท
ค่าบัตร OAP 2-Day Pass (3,300 Yen/ใบ) = 1,920.00 บาท
รวมทั้งหมด (ไม่รวมค่าเดินทางในประเทศไทย) = 34,541 บาท
* อัตราแลกเปลี่ยน 1 Yen = 0.2945 บาท ณ วันที่ 15/03/2018 , [?] = วันที่ ? ของการเดินทาง
"อ้าว!! น้องอรทำไมไม่บอกพี่ เรานั่งเลยสถานีมาแล้ว บอกให้ช่วยนั่งนับจำนวนสถานีด้วย"
"น้องอรลงเร็วสถานีนี้แหละ อ้าว!! สถานี IMAMIYA หรอกเหรอ นึกว่า SHIN-IMAMIYA"
"ทำไมรถไฟมันจอดนานจัง เดี๋ยวพี่ออกไปดูข้างรถก่อนนะ ไม่ต้องห่วงมีคำว่า Airport Line ถึงแน่นอน (รถไฟขบวน Local)"
...^_^
ย้อนกลับไปรีวิวตอนที่แล้ว EP1/5, EP2/5, EP3/5, EP4/5