เช้าวันแรกที่ญี่ปุ่นของทริปนี้เราตื่นนอนกันประมาณตี 5 กว่าๆ ถ้าเทียบเวลาในประเทศไทยก็ประมาณตี 3 เดินไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วรู้สึกยังมีอาการง่วงนอนอยู่เลย พอเวลาประมาณ 6:00 น. คนที่มานอนอยู่ใน Waiting Area ตั้งแต่เมื่อคืนก็ออกกันไปเกือบหมด แต่ก็ยังมีคนใหม่ที่เดินเข้ามานอนต่อจากเรา หลังจากที่เราคืนผ้าห่มและแต่งตัวแต่งหน้าทำผมเรียบร้อยก็ได้เวลาออกจากสนามบินเดินทางเข้าเมืองกันแล้ว
ถ้ายังจำกันได้เมื่อคืนวานเราเดินผ่านอาคารสถานีรถไฟฟ้า KANSAI-AIRPORT มา วันนี้เราจะเดินย้อนกลับไปเริ่มต้นที่นั่นเพื่อเดินทางเข้าเมืองโอซาก้าด้วยรถไฟฟ้ากัน ที่สถานีนี้จะมีบริษัท หรือ Private Railways ที่ให้บริการเดินรถไฟฟ้าอยู่ 2 บริษัทคือ NANKAI Electric Railway และ JR-WEST เราเลือกใช้บริการของ NANKAI Railway เนื่องจากมีขบวนรถที่มีราคาถูกกว่าและไม่ต้องเปลี่ยนสถานีกลางทาง โดยที่ NANKAI Railway มีขบวนรถไฟฟ้าสาย Airport Line วิ่งจากสถานี KANSAI-AIRPORT ไปยังสถานี NAMBA ในเมืองโอซาก้าให้เลือกอยู่ 3 แบบคือ
- Limited Express Rapi:t Train ใช้เวลาเดินทาง 34 นาทีจอด 6 สถานีสำหรับ α train และ 37 นาทีจอด 8 สถานีสำหรับ β train โดยมีสถานีดังนี้ KANSAI-AIRPORT – RINKU-TOWN – IZUMISANO – KISHIWADA (β) – SAKAI (β) – TENGACHAYA – SHIN-IMAMIYA – NAMBA
- Airport Express Train ใช้เวลาเดินทาง 45 นาทีและจอด 12 สถานีดังนี้ KANSAI-AIRPORT – RINKU-TOWN – IZUMISANO – KAIZUKA – KISHIWADA – HARUKI – IZUMIOTSU – HAGOROMO – SAKAI – TENGACHAYA – SHIN-IMAMIYA – NAMBA
- Local Train ใช้เวลาเดินทางประมาณ 80 นาทีโดยจะจอดทุกสถานี
บริเวณจำหน่ายตั๋วของบริษัท NANKAI |
ขบวนรถ Airport Express หรือ Local เราสามารถซื้อตั๋วโดยสารที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ (NANKAI Ticket Machines) ได้เลย สามารถอ่านบทความวิธีซื้อตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าได้ที่ "แนะนำวิธีซื้อตั๋ว NANKAI/ตั๋ว JR/บัตร Enjoy Eco Card One-Day Pass" เมื่อได้ตั๋วกระดาษเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้เดินไปที่ทางเข้าสถานีรถไฟฟ้า NANKAI ที่เป็นสีส้ม (ของ JR-WEST จะเป็นสีน้ำเงิน) ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกับที่เราซื้อตั๋วนี่แหละ
เมื่อเข้ามาแล้วจะเห็นป้ายบอกทาง "for OSAKA NAMBA" มีลูกศรชี้ให้ลงบันไดเลื่อนไปที่ชานชลาชั้นล่าง พอลงมาเราก็เห็นรถไฟฟ้าจอดคอยผู้โดยสารอยู่ที่ชานชลาพอดี เดินเข้าไปดูด้านข้างตัวรถเห็นคำว่า "Airport Exp." และ "NAMBA" ก็สามารถขึ้นและหาที่นั่งได้เลย เพราะเราต้องใช้เวลาเดินทางยาวถึง 45 นาทีเข้าเมืองโอซาก้ากันครับ
เรามาถึงสถานี SHIN-IMAMIYA (NK03) ประมาณ 8:00 น. ที่นี่มีลิฟท์ลงไปชั้นล่างได้ไม่ต้องเดินลากกระเป๋าลงบันไดให้เมื่อย พอลงมาถึงชั้นล่างออกจากประตูสถานีฝั่งทิศตะวันออกเราก็เดินเลี้ยวขวาไปสัก 160 เมตรก็จะเจอกับ Super Tamade (ซูปเปอร์ทามาเดะ) เป็นซูปเปอร์มาร์เก็ตขายสินค้าราคาไม่แพงและมีสินค้าลดราคามากมาย เรามาที่นี่ก็เพื่อหาซื้ออาหารเช้าทานกัน เดินวนไปวนมาได้อาหารสำเร็จรูปมา 3 กล่องสำหรับทาน 2 คน จ่ายเงินเสร็จก็ออกมายืนทานอยู่ริมฟุตบาทรับลมเย็นๆก่อนจะเดินไปที่พักกันต่อ
หลังจากทานกันอิ่มแล้วก็มีแรงเดินลากกระเป๋าสัมภาระไปที่พักที่อยู่ห่างออกไปจากที่นี่ประมาณ 600 เมตร เราได้จองที่พัก โรงแรม ไทโย (Hotel-Taiyo) ในเขตนิชินะริเอาไว้ สามารถอ่านบทความที่พักนี้ได้ที่ "รีวิวแนะนำที่พักโรงแรมไทโย" ระหว่างทางเดินไปยังโรงแรมผ่านตู้ขายเครื่องดื่มหยอดเหรียญอัตโนมัติอยู่หลายตู้ แต่ละตู้ที่นี่ขายถูกมากอย่างเช่น กาแฟกระป๋องละ 50 Yen หรือประมาณ 15 บาทเท่านั้นเอง พอเดินถึงโรงแรมที่พักเราก็ทำการเช็คอินและนำกระเป๋าสัมภาระเก็บเรียบร้อยแล้วก็ออกไปช้อปปิ้งกันทันทีเพื่อไม่ให้เสียเวลาครับ
สถานที่แรกที่จะไปก็คือย่าน นัมบะ (Namba) เราออกจากโรงแรมเดินไปยังทางขึ้นลงที่ 2 ของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน DOBUTSUEN-MAE (โดบุซึเอ็นมะเอะ) สำหรับวันนี้เราจะซื้อบัตรโดยสาร EnjoyEcoCard One-Day Pass ราคาผู้ใหญ่ 800 Yen เด็ก 300 Yen เพื่อใช้เดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน (Subway) โดยไม่จำกัดจำนวนเที่ยวใน 1 วัน เราสามารถซื้อบัตรนี้ได้ที่ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีไหนก็ได้ สามารถอ่านบทความวิธีซื้อตั๋วได้ที่ "แนะนำวิธีซื้อตั๋ว NANKAI/ตั๋ว JR/บัตร Enjoy Eco Card One-Day Pass"
วิธีเดินทางด้วยรถไฟฟ้าในโอซาก้าสิ่งที่ต้องรู้คือตำแหน่งสถานีรถไฟฟ้าว่าอยู่ที่ไหนและทางขึ้นลงมีกี่จุด อยู่ตรงไหนบ้างที่อยู่ใกล้จุดท่องเที่ยวที่เราจะไป ซึ่งเราสามารถหาข้อมูลก่อนการเดินทางมาโอซาก้าได้ที่โปรแกรม กูเกิล แผนที่ (Google Maps) ลำดับถัดมาเราต้องมี แผนที่เส้นทางรถไฟฟ้า (Railway Route Map) เพื่อเอาไว้ดูลำดับสถานีและจำนวนสถานีของแต่ละสายเส้นทาง รวมถึงสถานีใดที่สามารถเปลี่ยนไปสายอื่นได้ สำหรับบางท่านอาจจะใช้ เว็บไซต์ HyperDia เพื่อช่วยค้นหาเส้นทางรถไฟฟ้าในญี่ปุ่นด้วยก็ได้
มาดูวิธีเดินทางกันครับโดยที่เราจะไปที่ย่านนัมบะ ผมได้หาข้อมูลมาจาก กูเกิ้ลแมพ มาก่อนแล้วว่าสถานีที่อยู่ใกล้ที่สุดคือสถานี NAMBA และมีทางขึ้นลงที่ 11 อยู่ใกล้กับจุดที่เราจะไป และเมื่อดูในแผนที่เส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดินแล้วจะเห็นว่าสายสีแดง Midosuji Line เป็นเส้นทางที่น่าจะใช้เวลาน้อยที่สุดเพราะวิ่งผ่านจำนวนสถานีน้อยที่สุดและไม่ต้องเปลี่ยนสาย จากนั้นในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินให้ดูป้ายบอกทางไปที่สายสีแดง Midosuji Line และถัดมาก็ดูชื่อสถานี NAMBA ที่เราจะไป ถ้าไม่มีชื่อสถานีที่เราจะไปก็ดูชื่อสถานีอื่นที่อยู่ในทิศทางเดียวกันกับสถานีที่เราจะไป เพื่อจะได้ไปยืนรอรถไฟฟ้าได้ถูกชานชลาครับ และเพื่อสร้างความมั่นใจยิ่งขึ้นที่ชานชลามักจะมีป้ายบอกทิศทางรถไฟฟ้าที่วิ่งบนรางที่เรายืนรอว่าจะไปทางไหน โดยจะบอกเป็นหมายเลขและชื่อสถานีที่เราอยู่คือ M22 DOBUTSUEN-MAE และมีลูกศรชี้ไปยังสถานีถัดไปคือ M21 แสดงว่าเรายืนอยู่ถูกชานชลาแน่นอนเพราะเราจะไป M20 NAMBA
สิ่งสุดท้ายก่อนขึ้นรถไฟฟ้าขณะเราอยู่ที่ชานชลา ควรตรวจสอบว่าขบวนรถที่กำลังจะมาหรือจอดอยู่ที่สถานีนี้จะไปถึงสถานีปลายทางที่เราจะไปหรือไม่ โดยดูสถานีปลายทางของขบวนรถที่จะไปได้จากป้ายไฟที่ชานชลาซึ่งจะบอกว่ารถไฟฟ้าคันนี้ไปถึงสถานีปลายทางไหน หรือจะดูที่ด้านหน้าหรือด้านข้างของตัวขบวนรถไฟฟ้าก็ได้ สำหรับขบวนรถไฟฟ้าที่ผมจะขึ้นนี้เขียนว่า "for Senri-Chuo" ก็ไม่ต้องรออะไรแล้วสามารถขึ้นได้เลย เพราะสถานี SENRI-CHUO นี้อยู่เลยจากสถานี NAMBA ไปถึง 12 สถานี
ป้ายภายในรถไฟฟ้า บอกทิศทางและสถานีที่กำลังจะไป |
เรามาลงที่สถานี NAMBA เพื่อจะไปดูเลนส์กล้องถ่ายรูปที่ร้าน BIC Camera และร้าน Tokiwa Camera จากนั้นก็ไปดูอีกร้านที่ Camera-Naniwa ซึ่งร้านนี้อยู่ใกล้ทางขึ้นลง 4-B ของสถานี SHINSAIBASHI เราสามารถไปได้โดยขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีแดง Midosuji Line ที่สถานี NAMBA (M20) ไปลงสถานี SHINSAIBASHI (M19) จากนั้นเรากลับมาที่สถานี NAMBA อีกครั้งแต่คราวนี้เราออกทางขึ้นลง 14 เพื่อไปเดินเล่นที่ย่าน โดทงโบริ (Dotonbori) พร้อมกับถ่ายรูปบริเวณแยกที่มีคนเดินเยอะๆกับมีปูแดงยักษ์ด้วย และขาดไม่ได้ต้องเดินหน้าไปอีกนิดที่สะพานเพื่อถ่ายรูปคู่กับป้ายชายหนุ่มกูลิโกะ (glico) ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองโอซาก้า จัดไปเลยท่าเดียวแต่หลายๆมุมครับ
ถ่ายรูปเสร็จก็ได้เวลาเดินหาของทานกันดีกว่า เริ่มจากทาโกะยากิซึ่งมีอยู่หลายร้านทีเดียวถือได้ว่าเป็นอาหารของเมืองโอซาก้าจริงๆ แต่ละร้านก็มีแถวยาวๆกันทั้งนั้นภรรยาผมไม่เลือกมากเอาร้านที่อยู่ใกล้ๆมีปลาหมึกตัวใหญ่อยู่บนป้ายชื่อร้านนี่แหละ ทาโกะยากิสูตรที่โอซาก้านี้จะไม่เหมือนกับที่ทานในประเทศไทย รู้สึกว่าลูกจะนิ่มกว่าและปลาหมึกก็ชิ้นใหญ่เต็มคำกว่าเยอะเลย จากนั้นก็เดินกินเล่นเรื่อยเปื่อยแล้วก็ไปช้อปปิ้งที่ร้าน ดองกิโฮเต้ (Don Quijote) หรือเรียกสั้นๆว่าร้าน ดองกี้ สาขา Dotonbori Store ซึ่งเป็นร้านขายของดีราคาถูก มีของหลากหลายมากมายให้เลือกสรร
ช้อปปิ้งเสร็จก็ออกมาเดินหาของทานซึ่งแต่ละร้านที่มีคนเคยรีวิวแนะนำกันคนจะเยอะมากและคิวแถวก็ยาวมากด้วย ภรรยาและผมเดินมาเจอร้าน ราเมงบะหมี่หมูย่าง (Kinryu Ramen Midosuji) ที่มีโลโก้เป็นตัวมังกร ดูน่าทานชามใหญ่โตดีที่สำคัญไม่ต้องยืนรอต่อคิว เราสามารถสั่งอาหารได้ที่ตู้อัตโนมัติโดยการใส่เงินเข้าไปแล้วก็กดปุ่มตามเมนูที่เราอยากทาน จากนั้นเครื่องก็จะจ่ายตั๋วออกมาพร้อมกับเงินทอน(ถ้ามี) ให้นำตั๋วที่ได้ไปยื่นให้กับคนขายที่ยืนทำบะหมี่ตรงเคาน์เตอร์แล้วก็ยืนรอความอร่อยสักครู่ครับ
หลังจากกินอิ่มแล้วเราก็กลับไปโรงแรมที่พักเพื่อเก็บของที่ช้อปปิ้งมา โดยไปเข้าสถานีที่ทางขึ้นลงที่ 14 ของสถานี NAMBA ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีแดง Midosuji Line (M20) ไปลงสถานี DOBUTSUEN-MAE (M22) ออกทางขึ้นลงที่ 2 ก็ถึงโรงแรม
เมื่อเก็บของและเข้าห้องน้ำเรียบร้อยแล้วเราก็ออกเดินทางต่อไปที่ ปราสาท โอซาก้า (Osaka Castle) โดยไปที่สถานี DOBUTSUEN-MAE ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำตาล Sakaisuji Line (K19) ไปลงที่สถานี NAGAHORIBASHI (K16) แล้วเปลี่ยนเป็นสายสีเขียวอ่อน NagahoriTsurumiRyokuchi Line (N16) ไปลงที่สถานี OSAKA BUSINESS PARK (N21) ออกทางขึ้นลงที่ 2 จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 750 เมตรไปยัง สะพาน Gokurakubashi Bridge ซึ่งจะเป็นจุดที่เราจะมาถ่ายรูปกันครับ ระหว่างทางที่เราเดินก็จะเห็นดอกซากุระบานตลอดทางแม้ว่าอาจจะยังไม่ถึงช่วงบานเต็มที่แต่ก็สวยงามมากแล้วครับ
วันนี้เราอยู่แค่ Gokurakubashi Bridge ไม่ได้เข้าไปที่ตัวปราสาทโอซาก้า หลังจากเดินถ่ายรูปชมวิวกันจนค่ำก็ได้เวลากลับที่พัก แต่ก่อนกลับบริเวณใกล้ๆจะมีเต้นขายของทานอยู่เห็นแล้วท้องก็ร้องขึ้นมาฉับพลัน มีทั้งไส้กรอกเยอรมัน ไก่ทอด ลิ้นย่างร้อนๆ และเห็นตู้ขายน้ำหยอดเหรียญตู้นี้มีน้ำโคคา-โคล่ารสพีช (Peach) ซะด้วยขอลองหน่อยนะ
ขากลับตอนแรกว่าจะเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานี MORINOMIYA แต่ภรรยาผมเท้าบวมซะแล้ว (เดินช้อปปิ้งตอนกลางวันมากไปหน่อย) เลยต้องเดินมาขึ้นที่สถานีเดิม OSAKA BUSINESS PARK แล้วก็กลับเส้นทางเดิมเหมือนตอนมาคือขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีเขียวอ่อน NagahoriTsurumiRyokuchi Line (N21) ซึ่งมีอยู่สายเดียวที่สถานีนี้ ไปลงสถานี NAGAHORIBASHI (N16) แล้วเปลี่ยนเป็นสายสีน้ำตาล Sakaisuji Line (K16) ไปลงสถานี DOBUTSUEN-MAE (K19) ออกทางขึ้นลงที่ 2 ก็ถึงโรงแรมที่พัก สำหรับวันนี้คงต้องพักเท้าไว้เพียงเท่านี้เพราะพรุ่งนี้จะต้องเดินกันอีกเยอะ ...^_^
โปรดติดตามรีวิวตอนต่อไป EP3/5, EP4/5, EP5/5
ย้อนกลับไปรีวิวตอนที่แล้ว EP1/5
ถ่ายรูปเสร็จก็ได้เวลาเดินหาของทานกันดีกว่า เริ่มจากทาโกะยากิซึ่งมีอยู่หลายร้านทีเดียวถือได้ว่าเป็นอาหารของเมืองโอซาก้าจริงๆ แต่ละร้านก็มีแถวยาวๆกันทั้งนั้นภรรยาผมไม่เลือกมากเอาร้านที่อยู่ใกล้ๆมีปลาหมึกตัวใหญ่อยู่บนป้ายชื่อร้านนี่แหละ ทาโกะยากิสูตรที่โอซาก้านี้จะไม่เหมือนกับที่ทานในประเทศไทย รู้สึกว่าลูกจะนิ่มกว่าและปลาหมึกก็ชิ้นใหญ่เต็มคำกว่าเยอะเลย จากนั้นก็เดินกินเล่นเรื่อยเปื่อยแล้วก็ไปช้อปปิ้งที่ร้าน ดองกิโฮเต้ (Don Quijote) หรือเรียกสั้นๆว่าร้าน ดองกี้ สาขา Dotonbori Store ซึ่งเป็นร้านขายของดีราคาถูก มีของหลากหลายมากมายให้เลือกสรร
ช้อปปิ้งเสร็จก็ออกมาเดินหาของทานซึ่งแต่ละร้านที่มีคนเคยรีวิวแนะนำกันคนจะเยอะมากและคิวแถวก็ยาวมากด้วย ภรรยาและผมเดินมาเจอร้าน ราเมงบะหมี่หมูย่าง (Kinryu Ramen Midosuji) ที่มีโลโก้เป็นตัวมังกร ดูน่าทานชามใหญ่โตดีที่สำคัญไม่ต้องยืนรอต่อคิว เราสามารถสั่งอาหารได้ที่ตู้อัตโนมัติโดยการใส่เงินเข้าไปแล้วก็กดปุ่มตามเมนูที่เราอยากทาน จากนั้นเครื่องก็จะจ่ายตั๋วออกมาพร้อมกับเงินทอน(ถ้ามี) ให้นำตั๋วที่ได้ไปยื่นให้กับคนขายที่ยืนทำบะหมี่ตรงเคาน์เตอร์แล้วก็ยืนรอความอร่อยสักครู่ครับ
หลังจากกินอิ่มแล้วเราก็กลับไปโรงแรมที่พักเพื่อเก็บของที่ช้อปปิ้งมา โดยไปเข้าสถานีที่ทางขึ้นลงที่ 14 ของสถานี NAMBA ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีแดง Midosuji Line (M20) ไปลงสถานี DOBUTSUEN-MAE (M22) ออกทางขึ้นลงที่ 2 ก็ถึงโรงแรม
เมื่อเก็บของและเข้าห้องน้ำเรียบร้อยแล้วเราก็ออกเดินทางต่อไปที่ ปราสาท โอซาก้า (Osaka Castle) โดยไปที่สถานี DOBUTSUEN-MAE ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำตาล Sakaisuji Line (K19) ไปลงที่สถานี NAGAHORIBASHI (K16) แล้วเปลี่ยนเป็นสายสีเขียวอ่อน NagahoriTsurumiRyokuchi Line (N16) ไปลงที่สถานี OSAKA BUSINESS PARK (N21) ออกทางขึ้นลงที่ 2 จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 750 เมตรไปยัง สะพาน Gokurakubashi Bridge ซึ่งจะเป็นจุดที่เราจะมาถ่ายรูปกันครับ ระหว่างทางที่เราเดินก็จะเห็นดอกซากุระบานตลอดทางแม้ว่าอาจจะยังไม่ถึงช่วงบานเต็มที่แต่ก็สวยงามมากแล้วครับ
Shutterstock photo ID: 1064390438 |
วันนี้เราอยู่แค่ Gokurakubashi Bridge ไม่ได้เข้าไปที่ตัวปราสาทโอซาก้า หลังจากเดินถ่ายรูปชมวิวกันจนค่ำก็ได้เวลากลับที่พัก แต่ก่อนกลับบริเวณใกล้ๆจะมีเต้นขายของทานอยู่เห็นแล้วท้องก็ร้องขึ้นมาฉับพลัน มีทั้งไส้กรอกเยอรมัน ไก่ทอด ลิ้นย่างร้อนๆ และเห็นตู้ขายน้ำหยอดเหรียญตู้นี้มีน้ำโคคา-โคล่ารสพีช (Peach) ซะด้วยขอลองหน่อยนะ
ขากลับตอนแรกว่าจะเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานี MORINOMIYA แต่ภรรยาผมเท้าบวมซะแล้ว (เดินช้อปปิ้งตอนกลางวันมากไปหน่อย) เลยต้องเดินมาขึ้นที่สถานีเดิม OSAKA BUSINESS PARK แล้วก็กลับเส้นทางเดิมเหมือนตอนมาคือขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีเขียวอ่อน NagahoriTsurumiRyokuchi Line (N21) ซึ่งมีอยู่สายเดียวที่สถานีนี้ ไปลงสถานี NAGAHORIBASHI (N16) แล้วเปลี่ยนเป็นสายสีน้ำตาล Sakaisuji Line (K16) ไปลงสถานี DOBUTSUEN-MAE (K19) ออกทางขึ้นลงที่ 2 ก็ถึงโรงแรมที่พัก สำหรับวันนี้คงต้องพักเท้าไว้เพียงเท่านี้เพราะพรุ่งนี้จะต้องเดินกันอีกเยอะ ...^_^
โปรดติดตามรีวิวตอนต่อไป EP3/5, EP4/5, EP5/5
ย้อนกลับไปรีวิวตอนที่แล้ว EP1/5