กลับมาอีกครั้งกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นซึ่งก่อนหน้านี้เราได้เคยรีวิวไว้ที่บทความ "รีวิวแนะนำโปรแกรมตามเพื่อนไปประเทศญี่ปุ่น 5 วัน 4 คืน" หากท่านใดยังไม่ได้อ่านสามารถย้อนกลับไปอ่านได้ครับ ครั้งหนึ่งผมเคยบอกกับภรรยาว่าหากจะไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกจะไม่ไปหน้าหนาวที่มีหิมะตกอีก เราจึงได้ข้อสรุปร่วมกันว่าเป้าหมายการไปญี่ปุ่นครั้งนี้คือตั้งใจจะไปชมดอกซากุระบาน ในเทศกาลฮะนะมิ (Hanami) ของชาวญี่ปุ่นสักครั้งหนึ่งในชีวิต และที่สำคัญเรายังยึดหลักการเดิมคือไปเที่ยวด้วยตัวเองไม่ง้อทัวร์
ดอกซากุระในประเทศญี่ปุ่นจะเริ่มทยอยบานตามภูมิภาคต่างๆตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์จนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ภรรยาและผมกำหนดวันเดินทางเอาไว้ราวๆปลายเดือนมีนาคม ซึ่งช่วงนี้ดอกซากุระจะเริ่มบานแถวๆภูมิภาคคันไซ (Kansai) เราจึงตกลงตัดสินใจกันว่าจะไปดู ดอกซากุระ (Sakura หรือ Japanese Cherry blossom) และท่องเที่ยวที่ โอซาก้า หรือ โอซากะ (Osaka) เพราะทั้งซากุระและโอซาก้าเรายังไม่เคยไปสัมผัสกันเลยครับ
ผมได้จองตั๋วโดยสารเครื่องบินข้ามปีในช่วงลดราคา BIG SALE ของสายการบินหางแดงเอาไว้ก่อนแล้ว และมาจองที่พักก่อนถึงกำหนดเดินทางประมาณ 2 - 3 เดือน จากนั้นก็ซื้อบัตร 1-Day Studio Pass ของ Universal Studios Japan จำนวน 2 ใบราคาใบละ 2,200 บาท (7,600 Yen) และบัตร Osaka Amazing Pass แบบ 2-Day Pass จำนวน 2 ใบราคาใบละ 960 บาท (3,300 Yen) จากตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยเอาไว้ก่อนเลย จะได้ไม่ต้องไปหาซื้อที่ญี่ปุ่นให้วุ่นวาย
เราออกเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง (DMK) ประเทศไทย ด้วยเที่ยวบิน XJ610 เวลา 14:10 น. พอเครื่องบินไต่ระดับจนถึงความสูงปรกติแล้วแอร์โฮสเตสก็เดินแจกใบตรวจคนเข้าเมืองประเทศญี่ปุ่นให้ เราก็ทำการกรอกให้เสร็จเรียบร้อยตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลายืนกรอกที่สนามบิน สามารถดูวิธีการกรอกได้ที่บทความ "แนะนำวิธีเขียนใบตรวจคนเข้าเมืองและใบศุลกากรสำหรับผู้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น" เรามาถึงท่าอากาศยานนานาชาติคันไซ (KIX) ประเทศญี่ปุ่น เวลา 21:55 น. ตามเวลาท้องถิ่น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง 45 นาทีตามกำหนดเวลา เวลาในประเทศญี่ปุ่นจะเร็วกว่าเวลาในประเทศไทยอยู่ 2 ชั่วโมงทำการปรับตั้งเวลาให้เรียบร้อย
เราออกจากเครื่องบินเดินเข้าสู่อาคารผู้โดยสารที่ 1 (Terminal 1) ทางปีกอาคารด้านทิศใต้ (South Wing) เดินตามทางไปขึ้นบันไดเลื่อนและตามป้าย "Arrivals" ไปเรื่อยๆจนมาถึง Shuttle Station ยืนรอ Wing Shuttle สักครู่ก็มา เราขึ้น Wing Shuttle เพื่อโดยสารจากสถานี Stop 2 ไปยังสถานี Main Terminal
มาถึง Main Terminal เดินลงบันไดเลื่อนตามป้าย "Arrivals" ไปเรื่อยๆก็จะมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมือง ให้เดินไปต่อคิวเข้าแถวในช่องที่เขาเขียนว่า "Foreigners" คิวแถวขณะนั้นเวลา 4 ทุ่มกว่ายาวมากๆ เราใช้เวลาผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองจนไปรับกระเป๋าสัมภาระที่สายพานลำเลียงกระเป๋าประมาณ 1 ชั่วโมง
จากสนามบินเดินทางเข้าเมืองโอซาก้าด้วยรถไฟฟ้าจะใช้เวลาประมาณ 45-50 นาที ซึ่งโรงแรมที่เราจะไปพักนั้นปิดให้เช็คอินตอนเที่ยงคืนตรง อีกทั้งตอนนี้เป็นเวลาค่ำมืดและเราก็ยังไม่เคยมากันก่อนจึงไม่กล้าที่จะเสี่ยงเข้าเมืองในตอนนี้ ภรรยาและผมเลยตั้งใจว่าจะพักนอนกันที่สนามบินนี้ก่อนพอถึงรุ้งเช้าค่อยเดินทางกันต่อ
หลังจากรับกระเป๋าที่สายพานแล้วก็ออกมาที่โถงขาเข้าชั้น 1 ให้เดินขึ้นบันไดเลือนไปยังชั้น 2 ตามป้าย "Railways" เดินข้ามสะพานเชื่อมระหว่างอาคารไปยังอาคารสถานีรถไฟฟ้า จากนั้นก็เดินตรงต่อไปอีกข้ามสะพานทางเชื่อมอาคารไปยังอาคาร AEROPLAZA แล้วเราจะเจอกับป้ายสีน้ำเงินบอกทางไปยัง Shower room และ Waiting Area
คืนนี้เราจะนอนพักกันใน Waiting Area นี้ พอเข้ามาในห้องก็เดินหาเก้าอี้หรือโซฟาที่ว่างเพื่อจับจองเป็นที่นอนกันได้ฟรีเลย เราโชคดีเหลือเก้าอี้ว่างสี่ตัวหนึ่งแถว (ตามในภาพด้านล่าง) พอดีนอนได้ 2 คนนอกนั้นมีคนนอนกันเต็มหมดแล้ว ก่อนที่จะนอนเราก็ไปขอผ้าห่มกับเจ้าหน้าที่ประจำห้องที่เคาน์เตอร์ได้ฟรี โดยแค่ลงชื่อตัวเองกับหมายเลขเที่ยวบินเท่านั้นและขอได้คนละ 1 ผืน ด้านในสุดเป็นห้องน้ำมีทั้งชายและหญิงใช้ได้ฟรี ส่วนห้องอาบน้ำจะอยู่ด้านข้างเป็นห้องอาบน้ำหยอดเหรียญไม่ฟรี นอกจากนี้ภายในห้องที่เราจะนอนยังมีจุดให้บริการเต้ารับปลั๊กไฟฟ้าประมาณ 2-3 จุดสามารถชาร์ตแบตเตอร์รี่ได้ฟรีครับ
สำหรับท่านที่ต้องการมาใช้บริการนอนพักที่นี่และเป็นคนนอนหลับยาก อาจต้องเตรียมหาที่อุดหูหรือปิดตาเวลานอน เพราะห้องนี้จะเปิดไฟสว่างไสวและก็มีคนเดินไปมาตลอดเวลา หรืออาจโชคร้ายเจอคนนอนกรนเสียงดังอยู่ข้างๆที่เรานอนก็ได้ ส่วนผมไม่ได้เตรียมไปก็ใช้ผ้าห่มที่ขอยืมมานั่นแหละคลุมปิดหูปิดตานอนเอาแรงไว้ลุยกันต่อในวันรุ่งพรุ่งนี้ครับ ...^_^
โปรดติดตามรีวิวตอนต่อไป EP2/5, EP3/5, EP4/5, EP5/5