เมื่อคืนวานเราค่อนข้างเพลียกันมากโดยเฉพาะภรรยาผมเธอเจ็บที่ปลายนิ้วก้อยเท้า พอได้นอนพักกันยาวจนเช้าก็ค่อยดีขึ้นมาบ้างแต่ก็ยังเดินเหินไม่คล่องเท่าไหร่ สำหรับวันที่สองนี้เรามีโปรแกรมเที่ยวที่ สวนสนุก ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ เจแปน (Universal Studios Japan™) หรือเรียกย่อๆว่า "USJ" เนื่องจากราคาบัตรเข้าสวนสนุกในปี 2018 แพงมากเราจึงไม่ได้ซื้อบัตร Universal Express™ Pass เพิ่มซึ่งมีราคาพอๆกันกับบัตรเข้าสวนสนุก ดังนั้นเราก็จะอยู่ในสวนสนุกกันทั้งวันตั้งแต่เช้ายันค่ำเลยครับ
เราออกจากที่พักกันประมาณ 7:30 น. ช้ากว่าที่วางแผนเอาไว้ถึง 1 ชั่วโมงก็ด้วยเพราะผมอยากจะให้เท้าของภรรยาผมได้พักมากที่สุด เราไปสวนสนุก USJ โดยเดินจากโรงแรม ไทโย ไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานี SHIN-IMAMIYA ซึ่งเป็นสถานีที่เรานั่งรถไฟฟ้าสาย NANKAI มาจากสนามบินนานาชาติคันไซ แต่คราวนี้เราจะต้องไปขึ้นรถไฟฟ้าที่ชานชลาของสาย JR
พอเดินมาถึงสถานีแต่ก่อนที่จะขึ้นไปบนสถานีเราเดินเลยไปซื้ออาหารเช้ากินกันที่ Super Tamade ที่วันแรกเรามา และต้องขอบคุณสวนสนุก USJ ที่ไม่มีการห้ามนำอาหารเข้าสวนสนุก เราก็เลยซื้ออาหารกลางวันเก็บเอาไว้ทานตอนที่อยู่ในสวนสนุก USJ ด้วยเพราะทุกอย่างที่ขายใน USJ มีราคาแพงมาก แนะนำนำ้ดื่มเตรียมไปแค่ขวดเดียวก็พอเพราะข้างในมีจุดให้บริการน้ำดื่มฟรี เราสามารถเอาขวดไปเติมน้ำได้ตลอดเวลาเท่าที่ต้องการ
เราเดินกลับมาที่ทางเข้าสถานี SHIN-IMAMIYA เดินขึ้นบันไดและเดินตามป้าย "JR Line" ไปเรื่อยๆเลยครับไม่หลงแน่นอน เดินจนมาถึงประตูทางเข้าชานชลาก็ทำการซื้อตั๋วที่ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ (JR Ticket Machine) ปลายทางสถานี UNIVERSAL-CITY ราคาคนละ 180 Yen สามารถอ่านบทความวิธีซื้อตั๋วได้ที่ "แนะนำวิธีซื้อตั๋ว NANKAI/ตั๋ว JR/บัตร Enjoy Eco Card One-Day Pass" เมื่อได้ตั๋วแล้วก็เข้าไปตามป้ายชานชลา 3-4 ที่เขียนว่า "for Nishikujo, Osaka" เรายืนรอรถไฟฟ้าที่ชานชลา 4 ที่เขียนว่า "Osaka Loop Line" แล้วขึ้นรถไฟฟ้าขบวน Direct Rapid Service ก่อนขึ้นรถไฟฟ้าเราสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ริมชานชลาว่ารถขบวนที่เราจะขึ้นไปสถานีที่เราต้องการหรือไม่เพื่อความมั่นใจได้ครับ
เรานั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี NISHIKUJO แล้วรอเปลี่ยนขบวนรถไฟฟ้าเป็นสาย Yumesaki Line ที่สถานีนี้ เรายืนรอที่ชานชลาที่ป้ายไฟ "for Universal-city" มีลูกศรชี้ไปซึ่งก็อยู่ติดกันกับชานชลาที่เราเพิ่งลงมา สังเกตุผู้คนโดยรอบที่ยืนรอรถไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเป็นเด็กๆหรือพ่อแม่ลูกทั้งนั้น แสดงว่าเราไม่หลงแน่เดินตามไปได้เลย
รอสักพักก็มีขบวนรถไฟฟ้าเข้ามาเทียบชานชลาโดยมีลวดลายด้านข้างรถเขียนว่า UNIVERSAL STUDIOS และ Harry Potter ก็ไม่ต้องรอช้าขึ้นไปโลด นั่งมา(จริงๆยืน)เพียง 2 สถานีก็ลง คนเยอะมหาศาลมากมายค่อยๆไหลกันออกจากสถานี แต่ก่อนจะออกจากสถานีไปเราก็ได้ซื้อตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าขากลับเก็บเอาไว้ก่อนเลย เพราะช่วงเวลาตอนเย็นคนก็จะแห่กันกลับในเวลาที่ใกล้เคียงกันหมด เราจะได้ไม่ต้องมายืนรอต่อคิวซื้อตั๋วให้ปวดขาและสามารถประหยัดเวลาไปได้เยอะ
วันนี้เราจะใช้แค่บัตรผ่านประตู 1 Day Studio Pass (Park Entry Ticket) เท่านั้นในการผ่านประตูและเล่นเครื่องเล่นต่างๆภายในสวนสนุก บัตรนี้เราได้ซื้อไว้ก่อนแล้วในราคาใบละ 7,600 Yen จากตัวแทนจำหน่ายที่ประเทศไทย (ก่อนที่จะมีการปรับราคาขึ้นเป็น 7,900 Yen ในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2561) ทำให้เราไม่ต้องมาเสียเวลามาต่อแถวเข้าคิวซื้อบัตรผ่านประตูที่หน้าสวนสนุก
ภรรยาและผมมาถึงที่ USJ กันเวลา 9:00 น. ช้ากว่าที่วางแผนไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง ที่ประตูทางเข้าเรายื่นบัตรที่ซื้อมาให้เจ้าหน้าที่ทำการสแกนบาร์โค้ดด้านหลังบัตรแล้วเข้าได้เลยโดยไม่มีการตรวจสิ่งของภายในกระเป๋า วันที่เรามาถึงแม้จะเป็นวันพุธแต่คนก็ยังเยอะมากเนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอมของที่นี่พอดี เราเข้าสวนสนุกโดยไม่มีแผนที่ USJ เพราะตัวแทนขายบัตรในประเทศไทยไม่มีแผนที่ให้ ผมเห็นคนอื่นที่ถือแผนที่ USJ กันน่าจะเป็นคนที่ซื้อบัตรที่หน้าสวนสนุก จากที่ผมเคยดูแผนที่ USJ มาก่อนเลยพอจำได้บ้างว่าเครื่องเล่นที่ต้องการจะเล่นตั้งอยู่ที่จุดไหนบ้าง แต่จะให้ดีควรมีแผนที่ติดมือไว้จะดีกว่าไม่ต้องมาเสียเวลาเดินหลงทางไปมา
จากประตูหน้าสวนสนุกเราเดินมุ่งตรงไปยัง The Wizarding World of Harry Potter Ticket Machine ที่ Central Park ทันทีเพื่อไปเอา Timed Entry Ticket หากใครไม่มีตั๋วนี้ก็ไม่สามารถเข้าโซน The Wizarding World of Harry Potter™ ได้ ทางเข้าไปที่ Ticket Machine จะอยู่เลยทางเข้าโซน Harry Potter อยู่ข้างๆถัดห้องน้ำ เยื้องๆตรงข้ามกับจุดถ่ายรูปคู่กับฉลาม เดินเข้าไปต่อแถวข้างในได้เลยครับ เราใช้เวลาอยู่ในแถวประมาณ 10 นาทีก็ถึงคิวรับตั๋ว โดยจะมีเจ้าหน้าที่ USJ ยืนแนะนำและสแกนบาร์โค้ดที่ด้านหลังบัตร Studio Pass ของเรา ในตั๋วจะแสดงช่วงเวลาที่เราสามารถจะเข้าโซน Harry Potter ได้เท่านั้น และเวลานี้เราก็ไม่สามารถเลือกได้ เช่น คิวรับตั๋วของผมเป็นเวลา 11:10-12:10 แต่ผมจะขอเป็น 15:00 ไม่สามารถทำได้
Image from Google Maps |
เมื่อได้ Timed Entry Ticket มาแล้วเราก็รอเวลาโดยการไปเล่นเครื่องเล่นอื่นก่อน เริ่มจาก The Flying Dinosaur แต่พอเดินมาถึงเครื่องเล่นภรรยาผมเงยหน้าขึ้นไปมองบนหัวเห็นเครื่องเล่นนี้พอดีแล้วบอกทันทีว่า"ไม่เอาไม่เล่น" ผมก็เลยต้องพาเธอไปเล่นเครื่องเล่นอื่นก่อน แต่ก่อนไปขอดูป้ายบอกเวลาเข้าแถวคอย (WAIT TIME) ตอน 9:20 น. สักหน่อย แถวแบบปรกติใช้เวลาคอย 150 นาที ส่วนแถวแบบ SINGLES ใช้เวลาคอย 90 นาที นี่ขนาดยังไม่เลยเที่ยงวันเลยนะแล้วตอนเย็นจะเป็นเช่นไร แต่สังเกตุเห็นกันไหมครับว่าแถวแบบ SINGLES คือแถวสำหรับผู้ที่มาเล่นคนเดียว หากเรามากับเพื่อนก็จะไม่สามารถเลือกที่นั่งติดกันกับเพื่อนที่มาด้วยกันได้ แต่สิ่งที่ได้คือจะใช้เวลาเร็วกว่าแถวปรกติถึงครึ่งหนึ่งโดยประมาณ
สรุปว่าเรามาเล่นเครื่องเล่น The Amazing Adventure of Spider-Man - The Ride 4K3D ที่ โซน New York เป็นลำดับแรก ผมดูป้ายเวลาคอยแล้วแถวแบบ SINGLES จะใช้เวลา 30 นาทีน้อยกว่าแถวแบบปรกติครึ่งหนึ่ง ผมกับภรรยาเลยตัดสินใจเข้าแถวแบบ SINGLES แม้ว่าจะไม่ได้นั่งติดกันก็ตาม ปรากฎว่าเราใช้เวลาต่อแถวจริงๆเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น และที่สำคัญภรรยากับผมโชคดีได้ขึ้นเครื่องเล่นพร้อมกันเลยทำให้ได้นั่งติดกันด้วย ผมเลยคิดได้ว่าในบางเครื่องเล่นการเข้าแถวแบบ SINGLES นั้นได้สิทธิเกือบเท่าใช้บัตร Universal Express Pass ที่ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม
เครื่องเล่นนี้เราต้องขึ้นนั่งยานพาหนะที่เลื่อนไปตามราง และมีการหมุนไปมาร่วมกับชมภาพสามมิติที่มีเรื่องราวสอดคล้องกับการเคลื่อนที่ของยานพาหนะที่เรานั่ง ถือว่าทำได้สมบูรณ์แบบให้ความรู้สึกเหมือนเราได้เข้าไปอยู่ในสถานะการณ์เรื่องนั้นจริงๆ สนุกมากเป็นเครื่องเล่นที่มาแล้วต้องห้ามพลาด หากใครที่เคยดูหนังสามมิติแล้วเวียนหัวบวกกับมีการเคลื่อนที่หมุนไปมาบ้างบางครั้ง ขอแนะนำให้กินยาแก้เมามาก่อนสักครึ่งชั่วโมงเหมือนผมจะช่วยได้มากเลยครับ
ลำดับที่สองเรายังอยู่ใน โซน New York เครื่องเล่นต่อไปที่อยู่ไม่ไกลก็คือ Terminator 2:3-D® ภายในเป็นโรงภาพยนตร์สามมิติที่ฉายร่วมกับนักแสดงที่เป็นคนจริงๆ มีกำหนดแสดงเป็นรอบๆถ้ามาตรงรอบก็จะได้เข้าทันทีเพราะจุคนดูได้เยอะมาก นักแสดงเล่นได้สอดคล้องกับภาพในหนังสามมิติดูกลมกลืนดี แต่มีช่วงกลางๆเรื่องจะเป็นการฉายหนังให้เราดูอย่างเดียวนานไปหน่อยและยังพากษ์ภาษาญี่ปุ่นอีกเลยออกจะน่าเบื่อนิดๆครับ
พอชมการแสดง Terminator 2 เสร็จเราก็รีบออกไปยังเครื่องเล่นลำดับที่สาม Harry Potter and the Forbidden Journey™ ใน โซน The Wizarding World of Harry Potter™ ซึ่งได้เวลาเข้าโซนพอดีตามกำหนดเวลาใน Timed Entry Ticket เราเดินมาถึงทางเข้าโซนแล้วยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่ เดินผ่านป่าสนและหมู่บ้าน ฮอกส์มี้ด (Hogsmeade™) โดยไม่แวะที่ใดให้เสียเวลาเลยจนมาถึงทางเข้า ปราสาท ฮอกวอตส์ (Hogwarts™ castle) แต่แล้วความสนุกของเราก็ล่มสลายเพราะเจ้าหน้าที่ทางเข้ายืนแสดงป้ายที่เขียนว่า "Temporary closed" เรางงมากเพราะก่อนมาก็ได้ทำการตรวจสอบวันที่ๆแต่ละเครื่องเล่นจะปิดซ่อมบำรุงที่เว็บ USJ (http://www.usj.co.jp/) เป็นอย่างดีแล้ว ยืนมึนอยู่สักพักเจ้าหน้าที่ก็บอกว่ายังเปิดให้เข้าไปเดินชมภายในตัวปราสาทได้ ไหนๆมาถึงที่นี่แล้วเดินชมอย่างเดียวก็ได้
ออกมาจากปราสาทแล้วเราก็ไปต่อที่เครื่องเล่นลำดับที่สี่ Flight of the Hippogriff™ ที่อยู่ในโซนเดียวกัน เรายืนต่อแถวอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าถึงจะได้เล่น ระหว่างยืนต่อแถวเราก็ถ่ายรูปชมบ้านของ แฮกริด (Rubeus Hagrid) และนำเอาอาหารที่ซื้อมาตั้งแต่เมื่อเช้าออกมากินกันเพื่อจะได้ไม่เสียเวลา เครื่องเล่นนี้เป็นรถไฟเหาะที่มีขนาดไม่ใหญ่และก็ไม่เสียวเท่าไหร่เด็กเล่นได้ผู้ใหญ่เล่นดี
หลังจากเล่นเครื่องเล่นเสร็จเราก็เดินถ่ายรูปเล่นภายในโซน The Wizarding World of Harry Potter™ และที่พลาดไม่ได้ก็ต้องลองชิม บัตเตอร์เบียร์ (BUTTERBEER™) เครื่องดื่มของเหล่าพ่อมดและแม่มดในโลกแห่งเวทย์มนต์กันสักหน่อย ร้านขายสังเกตุง่ายๆจะมีถังเบียรส์ขนาดใหญ่อยู่ริมทางเดิน เราซื้อแบบเย็นใส่แก้วพลาสติกธรรมดาในราคาแก้วละ 600 Yen แต่ถ้าต้องการนำแก้วไปเป็นที่ระลึกก็มีแก้วพลาสติกแข็งราคา 1,100 Yen และแก้วโลหะราคา 3,980 Yen ส่วนรสชาติก็คล้ายๆกับน้ำรูทเบียรส์
เรายังมีอีก 3 จุดที่จะต้องไปถ่ายรูปเก็บไว้จุดแรกเป็นจุดถ่ายรูป ปราสาท ฮอกวอตส์ ซึ่งอยู่บริเวณระเบียงริมน้ำของร้านอาหาร The Three Broomsticks ถัดมาจุดที่สองถ่ายกับรถไฟกลจักรไอน้ำ Hogwarts Express ที่อยู่ใกล้ๆกับทางเข้าหมู่บ้าน ฮอกส์มี้ด จากนั้นเราเดินย้อนกลับไปที่ป่าสนเพื่อไปถ่ายรูปจุดสุดท้ายคู่กับรถ Ford Anglia จอดชนต้นไม้ จากฉากในภาค Harry Potter and the Chamber of Secrets
เราเดินออกมาจากโซน The Wizarding World of Harry Potter™ หาที่นั่งพักให้หายเมื่อยขาสัก 20 นาทีแล้วไปต่อเครื่องเล่นลำดับที่ห้า Final Fantasy XR Ride ซึ่งตั้งอยู่ในอาคารที่ Space Fantasy - The Ride ในโซน Hollywood ก่อนจะเล่นเครื่องเล่นนี้เราต้องนำกระเป๋าหรือสัมภาระที่ติดตัวมาไปเก็บไว้ในตู้ล็อกเกอร์หยอดเหรียญที่อยู่ใกล้ๆกันก่อน โดยต้องใช้เหรียญ 100 Yen ในการล็อกและจะได้คืนเมื่อเราเอาของออก
พื่อความรวดเร็วเราต่อคิวเข้าแถวแบบ SINGLES เช่นเดิม เครื่องเล่นนี้เราต้องนั่งยานพาหนะคันละ 2 คนที่วิ่งไปตามรางอย่างรวดเร็วเหมือนนั่งรถไฟเหาะ โดยมีการจำลองสภาพแวดล้อมรอบตัวเรา 360 องศา (Virtual Reality) ให้เหมือนกับเราเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ของหนัง FINAL FANTASY จริงๆด้วยการใช้อุปกรณ์แว่นตา Google VR สวมใส่ขณะเล่น ใครที่ชื่นชอบการนั่งรถไฟเหาะและดูวิดีโอ VR อย่างผมแล้วละก็ เครื่องเล่นนี้คุณต้องห้ามพลาดเด็ดขาดเพราะมันให้ประสบการณ์ความสนุกทั้ง 2 อย่างไปพร้อมๆกัน
Image from Universal Studios Japan™ |
มาถึงตรงนี้เราผ่านมา 5 เครื่องเล่นแล้วและเครื่องเล่นต่อไปลำดับที่หกเอาแบบเบาๆหน่อยไปที่ JAWS™ ในโซน Amity Village ซึ่งได้จำลองหมู่บ้านในเมืองท่าอันเงียบสงบบนเกาะ อมิตี้ จากภาพยนตร์เรื่อง JAWS™ ที่ฉายในปี 1975 เหตุการณ์อันระทึกขวัญได้เกิดขึ้นเมื่อเรือนำเที่ยวได้พาคณะทัวร์ออกจากท่าเรือ ทันใดนั้นเองก็ได้มีฉลามยักษ์กินคนปรากฎตัวขึ้นท่ามกลางความหวาดกลัวของคณะทัวร์เป็นอย่างยิ่ง ทั้งปืนและเปลวเพลิงต่างระดมใส่เจ้ายักษ์ใหญ่ตัวนี้แต่แทบจะไม่ระคายผิวมันเลย เราจะสามารถรอดจากการโจมตีของเจ้าฉลามนี้ได้หรือไม่โปรดติดตามชม
เครื่องเล่น JAWS™ นี้สังเกตุดูแล้วฉลามจะโผล่จากน้ำมาให้เราได้ตกใจทางกาบซ้ายเรือมากกว่าทางขวาเรือ ถ้าใครอยากตื่นเต้นและเปียกนิดหน่อยก็คงต้องนั่งชิดกาบซ้ายเรือ แต่สำหรับผู้ที่ต่อคิวเข้าแถวแบบ SINGLES อย่างผมจะได้นั่งชิดทางขวาเรือเสมอเพราะเป็นตัวเสริมให้เต็มแถว แต่แถวแบบนี้คนน้อยมากจริงๆ
ข้างหน้าเป็นแถวแบบ SINGLES ส่วนทางขวามือเป็นแถวแบบปรกติ |
ต่อไปเป็นเครื่องเล่นลำดับที่เจ็ดโดยตั้งใจว่าจะไปเล่น The Flying Dinosaur หลังจากที่ผมเกลี้ยกล่อมภรรยาอยู่นานให้ยอมเล่นจนสำเร็จ ด้วยความที่เรารีบเดินไปต่อแถวเร็วไปหน่อยโดยไม่ได้มองป้ายแต่เห็นคนอื่นทำไมถึงต้องใส่เสื้อกันฝนด้วย ปรากฎว่าเราเข้ามาอยู่ในแถวแบบ SINGLES ของเครื่องเล่น Jurassic Park – The Ride™ ในโซน Jurassic Park ซะแล้ว จะถอยกลับออกไปก็ไม่ได้เพราะเราไม่อยากเปียก ต้องเดินหน้าอย่างเดียวเปียกก็เปียกผมบอกกับภรรยาเช่นนั้น
เครื่องเล่นนี้เหมือนกับเครื่องเล่น ล่องแก่ง ที่ แดนเนรมิต หรือ ซูเปอร์สแปลซ ที่ ดรีมเวิลด์ ในประเทศไทย และมีเนื้อเรื่องว่าเราได้เข้าไปสำรวจในป่าดิบชื้นของ Jurassic Park เพื่อพบกับไดโนเสาร์ที่ถูกทำให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยที่ไม่รู้ว่ามีไดโนเสาร์ ทีเร็ก (T.Rex) ที่ดุร้ายหลุดออกมาจากรั้วที่ขังรอคุณอยู่ และเราจะหนีรอดจากเจ้าไดโนเสาร์ ทีเร็ก นี้ได้หรือไม่ เครื่องเล่นนี้ใช้การล่องเรือไปทางน้ำแทนที่จะใช้รถยนต์เหมือนในภาพยนตร์ Jurassic Park ภาค 1 ฉนั้นคุณมีสิทธิและพร้อมที่จะเปียกได้ซึ่งภรรยากับผมก็เปียกกันมาแล้ว ทางเดียวที่จะไม่เปียกคือเอาเสื้อกันฝนมาใส่ด้วย
Image from Universal Studios Japan™ |
มาถึงเครื่องเล่นสุดท้ายลำดับที่แปด The Flying Dinosaur ใน โซน Jurassic Park ซึ่งเป็นสุดยอดเครื่องเล่นใน USJ ที่มีผู้เล่นต่อคิวเล่นมากที่สุด และใช้เวลาต่อแถวนานที่สุดด้วยเช่นกัน ขนาดภรรยาและผมเข้าแถวแบบ SINGLES ยังใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงเลย เครื่องเล่นนี้เป็นเครื่องเล่นโรลเล่อร์ คอสเตอร์ (Roller Coaster) แบบใหม่ล่าสุด มีการออกแบบเครื่องเล่นไม่เหมือนกับที่อื่นตรงที่เราไม่ได้นั่งเล่น แต่เราต้องคว่ำหน้าลงเล่นโดยที่ไม่มีอะไรอยู่ระหว่างกลางระหว่างตัวเรากับพื้นโลก
เครื่องเล่นนี้เป็นการจำลองเหตุการณ์ที่เราถูกเจ้าสัตว์ปีกไดโนเสาร์จากยุคจูราสสิค เทอราโนดอน (Pteranodon) บินโฉบลงมาและใช้อุ้งเท้าจับเข้าที่ด้านหลังของเราแล้วบินทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงถึง 37.8 เมตร บินกวัดแกว่งไปมาเหินขึ้นลงพร้อมกับหมุนรอบตัว 360 องศาไปไกลถึง 1,124 เมตรเป็นที่น่าหวาดเสียวยิ่งนัก ใครที่ชอบเครื่องเล่นรถไฟเหาะตีลังกาหรือเครื่องเล่นที่หวาดเสียวแล้วละก็ยิ่งไม่ควรพลาดเจ้า The Flying Dinosaur ที่สุดของโรลเล่อร์ คอสเตอร์ยุคใหม่
Image from Universal Studios Japan™ |
ภาพยิ้มแย้มหลังยืนเข้าแถวไม่ต่ำกว่า 2 ช.ม.ก่อนขึ้น The Flying Dinosaur |
หลังจากเล่น The Flying Dinosaur เครื่องเล่นสุดท้ายเสร็จแล้ว เราก็เดินถ่ายรูปสักพักจนมืดค่ำก่อนจะชวนกันกลับโรงแรมที่พักตามเส้นทางเดิมที่เรามา โดยไปขึ้นรถไฟฟ้าสาย Yumesaki Line ที่สถานี UNIVERSAL-CITY แล้วเปลี่ยนเป็นสาย Osaka Loop Line ที่สถานี NISHIKUJO ไปลงที่สถานี SHIN-IMAMIYA (เราลงผิดก่อนหนึ่งสถานีเพราะชื่อคล้ายกัน) แล้วเดินกลับโรงแรม แวะร้านสะดวกซื้อ FamilyMart ข้างโรงแรมซื้ออาหารเย็นเข้าไปกินที่ห้อง Common room ในโรงแรมก่อนขึ้นห้องเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัย
สรุปวันนี้เราได้เล่นเครื่องเล่นใน USJ ไปถึง 8 เครื่องเล่นด้วยกัน แต่สำหรับใครที่คิดว่ามันยังไม่มากพอและต้องการเล่นได้มากกว่านี้แล้วละก็ ยังมีอีก 3 วิธีที่ทำได้คือ
- วิธีแรกไปแต่เช้าเข้าคิวรอก่อนประตูเข้าสวนสนุกจะเปิดสักครึ่งชั่วโมง พอประตูเปิดก็วิ่งเข้าไปเล่นเครื่องเล่นให้ได้มากที่สุด [ภรรยาและผมมาช้ากว่าที่วางแผนไว้ 1 ชั่วโมง และเดินเล่นตามอายุสังขาร]
- วิธีที่สองเข้าไปที่เว็บไซต์ Universal Studios Japan Congestion Forecast Calendar เพื่อดูการพยากรณ์ความแออัดของจำนวนคนที่จะเข้าไปใน USJ แล้ววางแผนเลือกไปวันที่น่าจะมีจำนวนคนน้อยที่สุด สำหรับวันที่ภรรยากับผมไปเว็บไซต์นี้ให้เป็นวันสีแดงโดยคาดการณ์จำนวนคนไว้ที่ 41,000 คน [เป้าหมายหลักของเราคือมาชมซากุระ]
- และวิธีที่สามเป็นความฉลาดของทาง USJ ในการหารายได้เพิ่มโดยทำบัตร Universal Express™ Pass จำหน่ายแยก สามารถซื้อเพิ่มได้เพื่อนำไปใช้ลดเวลาการเข้าคิวรอเล่นเครื่องเล่นได้ (ความคิดเห็นผมการทำเช่นนี้อาจจะไปเพิ่มเวลารอคอยให้กับแถวปรกติด้วยซ้ำ) [ภรรยาและผมไม่ได้ซื้อเพิ่ม เราใช้แค่บัตร Studio Pass คนละใบเท่านั้น]
โปรดติดตามรีวิวตอนต่อไป EP4/5, EP5/5
ย้อนกลับไปรีวิวตอนที่แล้ว EP1/5, EP2/5